หลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า จากการที่พรรคได้รับการสนับสนุนจากประชาชนทั่วทุกภูมิภาคให้มีคะแนนรวมสูงสุด 7,939,937 คะแนน จึงถือว่ามีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นพรรคอื่นในการรวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลด้วยเช่นกัน เพราะพรรคพลังประชารัฐยืนยันแนวทางว่า พรรคใดรวบรวมเสียงข้างมากได้ ก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ จากนี้พรรคจะไปหารือพูดคุย กับพรรคที่มีแนวทางสอดรับกับพรรคพลังประชารัฐทั้งอุดมการณ์และนโยบายเพื่อจัดตั้งรัฐบาลต่อไป แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงจุดต่อรองตำแหน่งเก้าอี้รัฐมนตรี
ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่าการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ให้ความสำคัญกับทุกเสียงจึงถือเป็นพรรคที่ได้รับความไว้วางใจสูงสุดจากประชาชน พร้อมระบุด้วยว่าขณะนี้เร่งเดินหน้าพูดคุยกับพรรคอื่นๆ บ้างแล้ว ไม่คิดว่ามีความยากลำบาก และมั่นใจว่าสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ยังไม่ขอเปิดเผยว่ามีกี่พรรค และมีการเชิญพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้วหรือไม่
พร้อมยืนยันว่า พรรคยังคงเสนอพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตามที่ได้ประกาศไว้ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ให้คำแนะนำในการจัดตั้งรัฐบาลแต่อย่างใด เพราะทางพรรคได้ให้อำนาจหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคในการดำเนินการเรื่องนี้
ส่วนการที่พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนเสียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตมาเป็นอันดับหนึ่ง นายสนธิรัตน์ ระบุว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้แตกต่างจากฉบับที่ผ่านมาคือทุกคะแนนเสียงของประชาชนจะไม่ถูกทิ้งและจะต้องถูกนับรวมไปด้วย รวมถึงพลังบางเขตมีการแพ้ชนะกันเพียงหลักร้อย ดังนั้นพรรคพลังประชารัฐจึงถือว่าได้รับความไว้วางใจจากประชาชนสูงสุดจึงมีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งการเลือกนายกรัฐมนตรียืนยันว่าต้องเป็นไปตามกฎหมาย ส่วนการทำหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภา พรรคเคารพสถาบันสมาชิกวุฒิสภา ดังนั้นจึงไม่ก้าวล่วงเรื่องเอกสิทธิ์ของสมาชิกวุฒิสภาในการทำหน้าที่ ส่วนเรื่องที่ประชาชาเรียกร้องให้ถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งในการชี้แจง
ผู้สื่อข่าว ปิยะธิดา เพชรดี