ต่างชาติเทขายหุ้นและตราสารหนี้6ชาติเอเชีย/ความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมดีขึ้น/ปราบพนันบอลโลก2018

19 มิถุนายน 2561, 07:57น.


เศรษฐกิจวันนี้ยังต้องติดตามกรณีที่มีแรงเทขายจากนักลงทุนต่างชาติ ทั้งในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ (บอนด์) อย่างต่อเนื่อง โดยตลาดหุ้นไทยวานนี้ นักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิ 2,806 ล้านบาท ส่วนตลาดบอนด์ นักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิราว 9,125 ล้านบาท รวม 2 ตลาด นักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิราว 11,931 ล้านบาท และหากนับรวมยอดขายสุทธิในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา พบว่า นักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิในทั้งตลาดหุ้นและตลาดบอนด์รวมกว่า 35,500  ล้านบาท



ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงตั้งแต่ช่วงเปิดตลาดภาคเช้า ระหว่างวันมีระดับการอ่อนค่าสุดที่ 32.76 บาทต่อดอลลาร์ถือเป็นระดับการอ่อนค่าสุดในรอบ 6 เดือน และปิดตลาดที่ระดับ 32.67 บาท



โดยพบว่า เงินทุนจากกองทุนต่างประเทศไหลออกจาก 6 ตลาดหุ้นชาติเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชียในระดับที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนนับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินปี 2551 โดยมีการถอนเม็ดเงินลงทุนแล้ว 19,000 ล้านดอลลาร์จากอินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และไทย



นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยผลการสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการเดือนพฤษภาคม 2561 จำนวน 1,015 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรม ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยพบว่าความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 90.2 จากระดับ 89.1 ในเดือนเมษายน โดยผู้ประกอบการขนาดใหญ่ มีแผนการขยายการลงทุนเครื่องจักร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แต่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในเดือนพฤษภาคม และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน



กรณีที่ไม่มีเอกชนเข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 เมกะเฮิรตซ์ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่าในวันนี้จะมีการประชุมเพื่อทบทวนเงื่อนไขการประมูล ในการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง เพื่อนำเข้าบอร์ดวันที่ 27 มิถุนายน



ส่วนอาชญากรรม เมื่อวานนี้มีการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำแนวทางการประสานงานระหว่างศูนย์ ปฏิบัติการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมี พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร รองเลขาธิการ ปปง. ในฐานะรักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจท่องเที่ยว ตัวแทนสถาบันการเงิน 36 แห่ง และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์และ e-money เข้าร่วม หลังจากที่มีการติดตามจับกุมเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง มานานกว่า 7 เดือน และจะมีการขยายผลการปฏิบัติให้ครอบคลุมความผิดมูลฐานทั้ง 26 มูลฐาน โดยเฉพาะการปราบปรามการพนันออนไลน์ช่วงที่มีการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งจะมีการใช้กฎหมายฟอกเงินเพื่อยึดทรัพย์สิน ตั้งแต่ผู้เล่น เจ้าของเว็บไซต์ เจ้าของเครือข่าย



ส่วนการปราบปรามพนันทายผลฟุตบอลโลก 2018 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.เปิดเผยว่าตั้งแต่ 1 พฤษภาคม-17 มิถุนายน ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอล 2,751 คดี ผู้ต้องหา 2,827 คน แบ่งเป็นเจ้ามือการพนันทายผลฟุตบอล 107 คดี ผู้ต้องหา 111 คน ผู้เล่นการพนันทายผลฟุตบอล 2,536 คดี ผู้ต้องหา 2,574 คน คนเดินโพยการพนันทายผลฟุตบอล 33 คดี ผู้ต้องหา 36 คน เจ้ามือการพนันทายผลฟุตบอลทางอินเทอร์เน็ตได้ 30 คดี ผู้ต้องหา 42 คนผู้เล่นการพนันทายผลฟุตบอลทางอินเทอร์เน็ตได้ 45 คดี ผู้ต้องหา 64 คน และสามารถยึดของกลาง เป็นเงินสด 520,247 บาท  มูลค่าเงินในโพย 1,516,267 บาท และเงินในสมุดเงินฝาก 12,825 บาท



ส่วนเรื่องการปราบปรามการฉ้อโกงหลายคดี



กรณีอดีตพระพรหมเมธี ชื่อเดิมนายจำนงค์ เอี่ยมอินทรา ยื่นขอลี้ภัยที่เยอรมนี โดยอ้างว่าถูกกลั่นแกล้งดำเนินคดี ถูกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ด้วยเหตุผลทางการเมือง ศาสนา เชื้อชาติ ละเมิดพื้นฐานความเป็นมนุษย์ ทำให้ได้รับความคุ้มครองในระหว่างที่มีการพิจารณาคำร้อง



ส่วนกรณีที่มีบุคคลอ้างตัวเป็นสำนักข่าวชินบัญชร โพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคม อ้างว่าจะมีการจับกุมพระในมหาเถรสมาคม (มส.) ทุกรูปในวันที่ 25 กรกฎาคม นี้ รวมถึงประเด็นอื่นๆ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) เปิดเผยว่า ข้อความทั้งหมดไม่เป็นความจริง และตำรวจเตรียมเอาผิดกับกลุ่มคนหรือเพจเฟซบุ๊คที่เผยแพร่ข่าวเท็จ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในฐานความผิดนำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์



ทุจริตเงินช่วยเหลือคนไร้ที่พึ่ง พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยว่ามีการตั้งอนุกรรมการไต่สวนศูนย์ฯที่พบการทุจริตแล้วมากกว่า 60 แห่งและส่งรายชื่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตให้กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการดำเนินการทางวินัยมากกว่า 270 คน



และในวันนี้ นายวิทยา นีติธรรม เลขานุการกรม สำนักงานป้องและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จะนำเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความกลุ่มข้าราชการ ที่ทำผิดอาญาฟอกเงิน งบช่วยเหลือผู้ยากไร้ (โกงเงินคนจน) ที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ



ส่วนทุจริตอาหารกลางวัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และกระทรวงมหาดไทย (มท.) ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทุกแห่งทั่วประเทศ พบว่ามีหลายโรงเรียนเข้าข่ายทุจริตอาหารกลางวันเด็กนักเรียน โดยโรงเรียนที่พบการทุจริต ทาง สพฐ.เขต มีคำสั่งให้ย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนออกจากพื้นที่ เพื่อให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง เอาผิดทางวินัยและอาญาต่อไป



....



 

ข่าวทั้งหมด

X