ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ โพสต์คลิปวิดีโอทางทวิตเตอร์ อวยพรประชาชนในโอกาสวันปีใหม่ ขอให้ประชาชนในสหรัฐฯจดจำผลงานที่รัฐบาลทำมาตลอด 4 ปี ซึ่งนายทรัมป์เรียกว่าเป็นชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ของประเทศ โดยเฉพาะการที่นักวิจัยสหรัฐฯประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งนายทรัมป์เคยคาดการณ์อย่างแม่นยำว่าสหรัฐฯจะมีการฉีดวัคซีนสำหรับป้องกันโรคให้ประชาชนก่อนสิ้นปี 2563
ทั้งนี้ นายทรัมป์ ได้เดินทางจากรีสอร์ทมาร์อาลาโกในรัฐฟลอริดา กลับมาที่กรุงวอชิงตันดี.ซี. ซึ่งเป็นการเดินทางกลับก่อนกำหนด ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวของสหรัฐฯไม่ได้ชี้แจงเหตุผลที่นายทรัมป์ เดินทางกลับมาที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ก่อนกำหนด แต่เหตุการณ์นี้บังเอิญมีขึ้นในช่วงนายทรัมป์ อยู่ระหว่างการเจรจากับสภาคองเกรสสหรัฐฯ หลังจากนายทรัมป์ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ ยับยั้งร่างกฎหมายกลาโหม
นอกจากนี้ นายทรัมป์ขอให้สภาคองเกรส ทบทวนร่างกฎหมายว่าด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยการเพิ่มเงินเยียวยาให้กับประชาชนจาก 600 ดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือ 18,042 บาท) เป็น 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือ 60,140 บาท) จากนั้นเสนอมาให้เขาพิจารณาลงนามอีกครั้ง อีกทั้งมีประเด็นอื่นๆ เช่นเรื่องความตึงเครียดกับอิหร่าน ที่ผ่านมา นายทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันยังไม่แถลงยอมรับอย่างเป็นทางการว่าแพ้นายโจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน
ขณะที่ นายไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ แถลงอวยพรประชาชนในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ผ่านรายการพิเศษในโอกาสส่งท้ายปีของสถานีโทรทัศน์เอบีซี จากเมืองเรโฮโบทบีช รัฐเดลาแวร์ ขอให้ประชาชนมองไปสู่อนาคตที่ดีกว่าในปี 2564 ชื่นชมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน มั่นใจว่าสหรัฐฯจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ และสหรัฐฯจะกลับมาเข้มแข็งยิ่งกว่าเดิม ทั้งนี้นายไบเดนจะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคมนี้
สำหรับกรณีอิหร่าน สหรัฐฯ ได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่นบี-52 จำนวน 2 ลำไปยังตะวันออกกลางเมื่อวาน ซึ่งเจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯระบุว่าเป็นการส่งสัญญาณถึงอิหร่านว่าสหรัฐฯพร้อมจะสกัดกั้นแผนโจมตีเพื่อล้างแค้นจากอิหร่านในโอกาสครบรอบหนึ่งปี หลังโดรนของสหรัฐฯโจมตีทางอากาศยังขบวนรถของพลโทคาเซม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ หน่วยงานพิเศษในสังกัดกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่านเสียชีวิตใกล้สนามบินนานาชาติกรุงแบกแดด อิรักเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2563
Cr: Reuters, Yahoo News