ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30 น.วันอังคารที่ 22 กันยายน 2563

22 กันยายน 2563, 09:15น.



ตรวจกลุ่มใกล้ชิดเด็ก 2 ขวบเมียนมา รวม146 คนไม่ติดโควิด-19



          ผลการสอบสวนและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 กรณีเด็ก 2 ขวบ ชาวเมียนมา ตรวจพบการติดเชื้อโควิด-19 หลังกลับจากประเทศไทย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า ทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรคของกรมควบคุมโรค ค้นหาและติดตามตัวผู้สัมผัสใกล้ชิด ซึ่งเคยทำงานหรือเคยอาศัยกับครอบครัวนี้เพื่อเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อก่อโรคโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR รวมผู้สัมผัสใกล้ชิดทุกสถานที่ในกรณีดังกล่าวจำนวน 146 คน ผลตรวจทางห้องแล็บทั้งหมดทุกคนให้ผลเป็นลบไม่พบการติดเชื้อโควิด-19



         สรุปเด็กที่ติดเชื้อจากการตรวจพบของเมียนมา ยังไม่พบหลักฐานแหล่งที่ติดเชื้อที่ในประเทศไทยทั้งที่พักและที่ทำงานของพ่อแม่จึงมีโอกาสน้อยที่เด็กจะเกิดการติดเชื้อในที่พักแรงงานต่างด้าว ทั้งนี้ อาจมีโอกาสเกิดการติดเชื้อระหว่างการเดินทางกลับบ้านทั้งในประเทศไทย หรือขณะอยู่ในประเทศเมียนมา ช่วงระหว่างวันที่ 4-10 ก.ย. ทำให้ประเทศไทยต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องเพื่อให้ตรวจจับได้ทันทีและควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพ



สธ.ชี้ 3 ปัจจัยเสี่ยงระบาดระลอก 2

          นพ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่มีอะไรบอกว่าจะวางใจโควิด-19 ได้ เพราะทั่วโลกยังมีการระบาด ประเทศไทยต้องยอมรับความเสี่ยงรอบด้าน ทั้งนี้รูปแบบความเสี่ยงในการแพร่เชื้อในประเทศ



1.ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศ แต่หากปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขรับประกันว่าโอกาสแพร่เชื้อน้อยมาก แต่ยังต้องกังวลคนที่เข้ามาโดยไม่ปฏิบัติตามมาตรการ



2.แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย เป็นเรื่องที่ยากในการปกป้องชายแดน จึงต้องพึ่งพาผู้ประกอบการ



3.ผู้ติดเชื้อไม่มีอาการหรืออาการน้อย ไปอยู่รวมกันแพร่กระจายเชื้อให้คนใกล้ชิด เช่น สถานที่ดื่มกินร่วมกัน ที่มีการพูดคุยและถอดหน้ากากอนามัยในการรับประทานอาหาร สถานที่มีผู้คนรวมตัวกันมากในระบบปิด และ การคลุกคลีกับคนใกล้ชิด



ส่วน 3 องค์ประกอบที่ทำให้ไม่มีระบาดระลอกที่ 2 คือ



1.ด้านโรค หากเจอผู้ป่วยรายใหม่เร็ว ผู้ป่วยรายใหม่น้อย สามารถติดตามผู้สัมผัสได้ เรายังเอาอยู่



2.ด้านคน หากการป้องกันโรคยังทำได้เข้มข้น อย่างน้อยที่สุดคือร้อยละ 80 และเมื่อไปสถานที่เสี่ยงสูงยังสวมหน้ากากอนามัยทุกคน



3.สถานประกอบการ ปฏิบัติตามมาตรการเข้มข้น



นายกฯ อยากให้ อสม.เป็นแกนนำรวมไทยสร้างชาติด้านสุขภาพ



          พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยากให้อาสาสมัครสาธารณสุข(อสม.) เป็นแกนนำในการรวมไทยสร้างชาติเพื่อให้เกิดความปลอดภัยด้านสุขภาพให้มากที่สุดและตลอดไปไม่ใช่แค่ช่วงสถานการณ์โควิด-19 แต่รวมถึงสถานการณ์อื่นๆ ทั้งนี้ไทยได้รับการยกระดับเป็นประเทศที่มีระบบสาธารณสุขดีที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง 



         นายกฯ ทำพิธีเชิงสัญลักษณ์โอนเงินค่าตอบแทนเยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัยให้กับ อสม.เดือนละ 500 บาท เป็นเวลา 7 เดือน พร้อมระบุว่า อย่าถือว่าเงินตรงนี้เป็นค่าจ้าง ขอให้เรียกว่าเป็นเงินตอบแทนน้ำใจเพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อะไรที่สามารถดูแลได้รัฐบาลจะดูแลให้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในเรื่องของค่าใช้จ่าย



CR:ภาพรัฐบาลไทย



5 หน่วยงานรัฐ เดินหน้าคดี 'บอส อยู่วิทยา'

          การติดตามคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ในข้อหาขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อหาเสพโคเคน สำนักงานอัยการสูงสุด จะส่งหนังสือไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจให้นำตัวผู้ต้องหามาสั่งฟ้องแต่เนื่องจากผู้ต้องหาไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ตำรวจจะประสานไปยังตำรวจสากลเพื่อออกประกาศหมายแดงให้ประเทศสมาชิกทั่วโลกรับทราบและช่วยกันระบุแหล่งที่อยู่ปัจจุบันของนายวรยุทธเพื่อสามารถดำเนินการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการขั้นตอนต่างๆ โดยทันทีที่ได้รับเอกสารจากสำนักงานอัยการสูงสุด และขอให้รายงานความคืบหน้าในเรื่องการประสานกับตำรวจสากลเพื่อออกหมายแดงให้รับทราบภายในหนึ่งสัปดาห์



         พ.ต.ท.วันนพ สมจินตนากุล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ 5 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี ได้แก่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สภาทนายความ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) คณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานแล้ว หลังจากที่ป.ป.ท. ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานในการแจ้งผลการตรวจสอบในคดีนี้



-ดีเอสไอ แจ้งว่าหลังจากที่ได้พิจารณาเรื่องแล้ว เห็นควรรับเรื่องไว้ดำเนินการโดยได้ส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองคณะที่ 4 ดำเนินการตามข้อ 11 แห่งประกาศคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการร้องขอและเสนอให้ กคพ. มีมติให้คดีความผิดทางอาญาเป็นคดีพิเศษ พ.ศ.2561



-สภาทนายความ ส่งเรื่องให้ประธานกรรมการมรรยาททนายความ เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับจริยธรรมมรรยาททนายความ ตามข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ.2529 และ พ.ร.บ.สภาทนายความ พ.ศ.2528



-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปสำนวนสั่งฟ้องและออกหมายจับนายวรยุทธ และส่งสำนวนให้พนักงานอัยการดำเนินการใน 2 ข้อหา คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคนหรือโคคาอีน) พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการทางวินัยกับข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้อง



-สำนักงานอัยการสูงสุด มีคำสั่งฟ้องนายวรยุทธ ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 และเห็นควรสั่งฟ้องในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคเคนหรือโคคาอีน) แล้ว และยังได้ยกร่างระเบียบว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการประกาศใช้ รวมทั้งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีข้าราชการอัยการเพื่อดำเนินการทางวินัย โดยคณะกรรมการอัยการ(ก.อ.) จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว ในวันนี้ (22 ก.ย.)

-ป.ป.ช. อยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง

เสนอวันหยุดสองช่วง พ.ย.และ ธ.ค. เข้าครม.กระตุ้นศก.           



         การประชุมคณะรัฐมนตรี​ (ครม.)​ วันนี้ นายวิษณุ เครืองาม​ รองนายกรัฐมนตรี จะเสนอให้ที่ประชุมครม. พิจารณาวันหยุดยาวต่อเนื่อง เหมือนที่เคยดำเนินการมาเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ



-เสนอให้หยุดในวันพฤหัสบดีที่ 19 พ.ย.และวันศุกร์ที่ 20 พ.ย. เพื่อให้ต่อเนื่องกับวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ดังนั้น จึงเท่ากับเป็นการหยุดต่อเนื่อง 4 วัน คือวันที่ 19-22 พ.ย.



-เสนอให้มีวันหยุดอีกช่วงหนึ่งในเดือ​นธ.ค. เดิมวันจันทร์ที่ 7 ธ.ค. จะเป็นวันหยุดชดเชย วันพ่อแห่งชาติ แต่นายวิษณุ จะเสนอให้หยุดในวันศุกร์ที่ 11 ธ.ค.แทน เพื่อจะได้เป็นการหยุดต่อเนื่อง 4 วัน คือตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 10 ธ.ค. จนถึงวันอาทิตย์ที่ 13 ธ.ค.เพื่อให้ประชาชนได้หยุดต่อเนื่องออกมาท่องเที่ยวเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ    




 

ข่าวทั้งหมด

X