กล้องวงจรปิด เห็นภาพคนร้าย จ่อยิงหัวแม่ค้าออนไลน์ ลานจอดรถวัดนิมมานรดี
ตร.สน.ภาษีเจริญ กำลังติดตามคนร้าย จอดรถดักรอ นางลินลดา พัฒนพันธ์ อายุ 39 ปี แม่ค้าออนไลน์ ก่อนเดินลงมาล็อกคอรัวปืนยิงเข้าที่ศีรษะ จำนวน 4 นัด จนเสียชีวิตข้างรถมินิคูเปอร์สีขาว ทะเบียน ญผ 5288 กรุงเทพมหานคร ของผู้เสียชีวิต ขณะเดินกลับมาขึ้นรถหลังตักบาตรพระเสร็จ เหตุเกิดบริเวณลานจอดรถหน้าพระอุโบสถเชื่อมกับทางเดินเข้า-ออก กุฏิพระสงฆ์ในวัดนิมมานรดี ถนนบางแค 1 แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค คดีนี้ตำรวจได้พบหลักฐานสำคัญ คือ กล้องวงจรปิดในวินาทีที่คนร้ายขับรถมาจอดติดเครื่องรอผู้เสียชีวิตบริเวณจุดเกิดเหตุ เพื่อลงมืออย่างโหดเหี้ยมก่อนจะขับรถหลบหนีไป
จากการสอบปากคำ น.ส.มณีรัตน์ ศรีธรราษฎร์ อายุ 52 ปี แม่บ้านของผู้เสียชีวิตที่เดินทางมาใส่บาตรด้วยกัน ให้การด้วยอาการตื่นตระหนกว่าผู้เสียชีวิตมีอาชีพค้าขายกระเป๋าและเสื้อผ้าทางออนไลน์ ออกจากบ้านพักมาพร้อมกับตนเมื่อช่วงเช้ามืดเพื่อมาใส่บาตรที่วัดแห่งนี้ โดยจังหวะที่มาถึงสังเกตเห็นรถเอนกประสงค์ 7 ที่นั่งสีดำ ไม่ทราบทะเบียนจอดติดเครื่องรออยู่ข้างรถผู้เสียชีวิตอยู่แล้วแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรจนใส่บาตรกันเสร็จ ระหว่างกำลังจะเก็บของกลับขึ้นรถ ปรากฏมีคนร้ายซึ่งยังไม่แน่ใจว่าเป็นชายหรือเป็นผู้หญิงลักษณะคล้ายทอมบอย 1 คน อายุประมาณ 35-40 ปี สวมเสื้อแขนยาวสีทึบสวมหมวกแก๊ปอำพรางใบหน้าเดินลงมาจากรถ 7 ที่นั่ง มาจับมือผู้เสียชีวิตและล็อกคอจากด้านหลังยิงใส่ 4 นัด ก่อนจะขึ้นรถแล้วขับหลบหนีไป
กรมควบคุมโรค พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบวันละ 300,000 คน
สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยวันนี้
-ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ ผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 3,506 คน
-ผู้ป่วยกลับบ้านได้ 2 คน ทำให้มีผู้ป่วยกลับบ้านสะสม 3,342 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 95.32 ของผู้ป่วยทั้งหมด
-ผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 105 คน หรือร้อยละ 2.99 ของผู้ป่วยทั้งหมด
-ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมผู้เสียชีวิตสะสม 59 ราย
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลกในช่วงนี้เพิ่มขึ้นเกือบวันละ 300,000 คน ทำให้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกสะสมกว่า 31 ล้านคน และมีหลายประเทศกลับมาพบการระบาดระลอกใหม่ แต่ละประเทศได้มีมาตรการบริหารจัดการสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป
-อังกฤษ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่วันเดียวกว่า 4,000 คน ออกมาตรการเข้มเรื่องการกักตัวผู้ติดเชื้อและผู้สัมผัสใกล้ชิด และสั่งปรับผู้ที่ฝ่าฝืน รวมถึงเอาผิดนายจ้างที่ลงโทษลูกจ้างที่ต้องกักตัว
-เมียนมา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดวันเดียว จำนวน 671 คน มีมาตรการลดความแออัด ชาวเมียนมาที่เดินทางกลับเข้าประเทศจะต้องถูกกักตัว 14 วันและกักตัวที่บ้านต่ออีก 7 วัน และล็อกดาวน์ในบางพื้นที่ เพื่อลดโอกาสการแพร่เชื้อในประเทศ
นายกฯ เดินหน้าเชิงรุกตามแผนฉบับที่ 12 ปรับตัวพร้อมเผชิญความเสี่ยง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประชุมและกล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุมประจำปี 2563 ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง ชีวิตวิถีใหม่ ประเทศไทยหลังโควิด-19 ระบุว่า ทุกวันนี้โลกกำลังเผชิญความท้าทายใหม่ คือโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจ สังคม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ไทยพยายามอย่างเต็มที่ที่จะป้องกันโควิด-19 แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ ต้องเตรียมตัว ปรับตัวพร้อมเผชิญความเสี่ยงในรูปแบบต่างๆ ที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ล่วงหน้า รวมถึงต้องเดินหน้าต่อไปในเชิงรุกตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนปฏิรูปประเทศ แม้ทุกประเทศจะล้มกันหมด แต่สิ่งสำคัญคือจะต้องหาวิธีลุกขึ้นให้ได้โดยเร็ว
ด้านนายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า การพัฒนาประเทศในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โลกและสถานการณ์ภายในประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี และการเมือง รัฐบาลและภาคส่วนต่าง ๆ ได้มีความพยายามในการดำเนินการ เพื่อผลักดันขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามแนวทางแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 ส่งผลให้การพัฒนาบางมิติดีขึ้น แต่ยังคงมีการพัฒนาบางด้านล่าช้าและไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จากวิกฤตโควิด-19 ที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วรุนแรงส่งผลกระทบต่อประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เกิดวิถีแนวใหม่ที่ทุกคนต้องปรับวิธีการในการใช้ชีวิตแบบใหม่ ที่เรียกว่าชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) จึงต้องมีการปรับแนวทางการพัฒนา โดยคำนึงถึงประเด็นสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ 1.สร้างสมดุลของมนุษย์และธรรมชาติ 2.สร้างสมดุลของปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันของมนุษย์ในสังคม และ 3.สร้างการเติบโตอย่างพอเพียง
แนวทางใหม่ของการพัฒนาประเทศช่วงหลังของแผนฯ ฉบับที่12 และการเชื่อมโยงไปสู่แนวทางการพัฒนาในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ประกอบด้วย 1.ปรับจุดอ่อน เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส เพื่อสนับสนุนการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้สามารถรองรับ New Normal ลดความเหลื่อมล้ำและเกิดความยั่งยืน และ 2.เสริมจุดแข็งเดิม สร้างจุดแข็งใหม่ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมให้ดีขึ้น หากประเทศไทยมีความสามารถทั้ง 3 ด้าน จะช่วยให้เป็นประเทศที่พร้อมเผชิญการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ไม่ว่าจะรวดเร็วหรือรุนแรงเพียงใดก็ตามสามารถที่จะก้าวเดินต่อไปด้วยความระมัดระวังและรอบคอบสู่จุดหมายการพัฒนาที่เหมาะสม มีสมดุลและยั่งยืน
การปรับแผนแม่บทดังกล่าวจะต้องมีความสอดคล้องกับครึ่งหลังของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 และต่อเนื่องไปยังแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 13 ต่อไป และจะหยิบยกประเด็นสำคัญเร่งด่วนที่ต้องมีการขับเคลื่อนผลักดันหลังวิกฤติโควิด-19 มาพิจารณาจัดทำเป็นแผนแม่บทหลังสถานการณ์ โควิด-19 โดยมีการกำหนดประเด็นการพัฒนาที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
1.การเพิ่มความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากภายในประเทศ
2.การยกระดับขีดความสามารถของประเทศเพื่อรองรับการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
3.การพัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตของคนให้เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ
4.การปรับปรุงและพัฒนาปัจจัยพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูและพัฒนาประเทศ
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นแผนที่สามารถตอบสนองความต้องการของคนในประเทศ และเป็นแผนที่ไม่ได้มองเฉพาะการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่มุ่งเน้นการวางรากฐานสำหรับการพัฒนาประเทศระยะยาวด้วย อีกทั้งยังได้จัดทำแผนแม่บทเฉพาะกิจหลังวิกฤตโควิด-19 รวมทั้งปรับจุดเน้นของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอีก 23 ฉบับ ดังนั้น จึงมั่นใจได้ว่าการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในระยะต่อไปหลังจากนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติน่าจะมีความพร้อมมากขึ้น
เสียชีวิต 10 ราย! อาคารพักอาศัยถล่มในรัฐมหาราษฏระ อินเดีย
นายสัตยา นารายัน ประธาน (Satya Narayan Pradhan) เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสำนักงานตอบสนองภัยพิบัติแห่งชาติอินเดีย(NDRE)เปิดเผยว่า เกิดเหตุอาคารพักอาศัยสูง 3 ชั้น ชื่อว่าจิลานี อพาร์ทเมนท์ถล่มในย่านปาเตล คอมพาวด์ในเมืองบิวันดี รัฐมหาราษฏระ เมื่อเวลา 03.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ มีคนเสียชีวิต 10 ราย ตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มอีก ในเบื้องต้น หน่วยกู้ภัย คาดว่า อาจจะมีคนติดอยู่ใต้ซากอาคาร 20-25 คน
หลังได้รับแจ้งเหตุหน่วยกู้ภัย รีบเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุและสามารถช่วยเหลือคนออกจากซากอาคารได้จำนวน 20 คน ขณะเดียวกัน หน่วยกู้ภัยจากพื้นที่ใกล้เคียงอยู่ระหว่างเดินทางไปสมทบเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย สำหรับอาคารดังกล่าวสร้างขึ้นเมื่อปี 2527 สำหรับสาเหตุของอาคารถล่มยังอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อวันที่ 24 ส.ค. เกิดเหตุอาคารพักอาศัยสูง 5 ชั้นหลังหนึ่งในย่านมาฮัด อำเภอไรคัท รัฐมหาราษฏระถล่มลงมา ทำให้มีคนเสียชีวิต 16 ราย ทำให้เทศบาลเมืองบิวันดี ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบอาคารต่างๆในท้องถิ่นเพื่อดูว่าอยู่ในสภาพปลอดภัยหรือไม่