กอนช.เกาะติดเส้นทางพายุโซนร้อน “โนอึล” ยกระดับติดตาม 24 ชั่วโมง
นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะเลขานุการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ติดตามเฝ้าระวังพายุโนอึล ตลอด 24 ชั่วโมง ที่ห้องปฏิบัติการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติชั้น 4 สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ถนนวิภาวดีรังสิต เพื่อเป็นศูนย์อำนวยการประสานงานหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีการรายงานข้อมูลทุก ๆ 3 ชั่วโมงกรณีที่เกิดวิกฤตในพื้นที่
กอนช.คาดการณ์ว่าเมื่อพายุเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง จากนั้นจะเคลื่อนเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคอื่น ๆ ของไทยตามลำดับ ในวันที่ 18-20 ก.ย. คาดการณ์ว่าในพื้นที่ที่มีฝนตกหนักจะวัดปริมาณน้ำฝนได้มากกว่า 150 – 250 มิลลิเมตร มีการประสานทุกหน่วยงานช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยควบคู่กับการบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำต่างๆ การวิเคราะห์และประเมินปริมาณน้ำเก็บกักในเขื่อนต่างๆ พบว่า
-อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ไม่มีแหล่งน้ำใดที่น่าเป็นห่วง สามารถรองรับปริมาณฝนได้อีกมาก เนื่องจากโดยเฉลี่ยแล้วมีปริมาณน้ำประมาณ ร้อยละ50 เน้นย้ำทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบอ่างเก็บน้ำพิจารณาปรับแผนการระบายน้ำเพื่อให้ลำน้ำและระบบชลประทานสามารถรองรับน้ำหลากได้เต็มศักยภาพ
-อ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 จะต้องบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้เหมาะสมกับปริมาณฝนด้วย
พื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน 24 จังหวัด 94 อำเภอ 194 ตำบล
-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 15 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ มหาสารคาม ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สกลนคร สุรินทร์ หนองบัวลำภู อำนาจเจริญ อุดรธานี และอุบลราชธานี
-ภาคเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ แพร่ นครสวรรค์ น่าน พะเยา พิจิตร พิษณุโลก ลำปาง และอุตรดิตถ์
พายุเข้าไทยวันนี้ทาง จ.มุกดาหาร ก่อนที่วันอาทิตย์เคลื่อนขึ้นทางเหนือ
เส้นทางการเคลื่อนตัวของพายุโนอึล
-วันที่ 18 ก.ย. คาดการณ์ว่า จุดศูนย์กลางจะเข้าไทยทางจังหวัดมุกดาหาร ผ่านทาง จ.สกลนคร กาฬสินธุ์ ขอนแก่น
-วันที่ 19 ก.ย. จุดศูนย์กลางจะอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี
-วันที่ 20 ก.ย.พายุจะพัดขึ้นทางภาคเหนือ และผ่านประเทศไทยออกไป อิทธิพลของพายุจะทำให้เกิดฝนตกหนักในแทบจะทุกจังหวัดของประเทศไทย
อธิบดีอุตุฯ ห่วงพื้นที่ลุ่มน้ำยัง - ภาคอีสานทุกจังหวัดได้รับผลกระทบ
นาวาอากาศเอกสมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ประมาณ 10.00-11.00 น.พายุโซนร้อนโนอึลจะขึ้นฝั่งระหว่างเมืองดานังกับเว้ ของเวียดนาม การเคลื่อนตัวเร็วมากและช่วงบ่ายค่ำวันนี้จะเข้าประเทศไทยที่ จ.มุกดาหาร เมื่อช่วงเช้าอยู่ห่างจาก จ.มุกดาหาร 450 กิโลเมตร ห่างจากเวียดนาม 130 กิโลเมตร ขณะที่มีมวลอากาศเย็นจากทางเหนือดันลงมาจะทำให้พายุลดระดับเป็นดีเปรสชั่นเมื่อเคลื่อนมาที่ จ.กาฬสินธุ์ คาดว่า ทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับผลกระทบทั้งหมด เพราะลักษณะจะแตกตัวกระจายเซลล์ เน้นย้ำให้ดูแลพื้นที่ลุ่มแม่น้ำยัง ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยง
ส่วนผลดีของพายุโนอึล ช่วยเติมน้ำในเขื่อนและลำน้ำต่าง ๆ เช่น การเติมน้ำในลำน้ำปาว ส่วนทิศทางการเคลื่อนตัวต่อไปทางจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น จ.เชียงใหม่ เชียงราย หรือไม่ ต้องรอดูพรุ่งนี้ เพราะพายุโนอึล ไม่เหมือนกับพายุโพดุลๆ มาแล้วนิ่ง แต่จะเหมือนพายุเพกามากกว่าจะเป็นการกระจายตัว
สำหรับคลื่นในฝั่งอันดามันสูงถึง 4 เมตร ประกอบกับมีลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรง แต่ฝั่งอ่าวไทยคลื่นสูงน้อยกว่า
ส่วนกรุงเทพฯ จะได้รับผลกระทบในวันพรุ่งนี้ วันนี้อากาศจะเริ่มมัวๆ ลมมา2ทิศทั้งทางทิศเหนือและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
ขณะที่วันอาทิตย์ 20 ก.ย. ภาคกลางตอนบน จะได้รับผลกระทบ เช่น จ.อุทัยธานี จ.อ่างทอง และยาวไปถึงจ.กาญจนบุรี
จ.มุกดาหาร เฝ้าระวังพื้นที่ลาดเชิงเขา–ลุ่มต่ำ
นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร สั่งการให้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงที่ลาดเชิงเขา พื้นที่ลุ่มต่ำ และพื้นที่ที่เคยเกิดสถานการณ์ฝนตกหนัก น้ำท่วมมาแล้ว พร้อมทั้งติดตามปริมาณน้ำฝนสะสมตลอด 24 ชั่วโมง ประสานและบูรณาการหน่วยงาน เครือข่าย ภาคเอกเชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เตรียมพร้อมทรัพยากร เครื่องจักรกล และแผนเผชิญเหตุ รวมถึงกำลังเจ้าหน้าที่ให้มีความพร้อมบรรเทาภัยปฏิบัติงาน อำนวยความสะดวกและให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยตลอด 24 ชั่วโมง
จ.นครพนม เตือน 5 อำเภอที่ติดกับแม่น้ำโขงและเทือกเขาสูง
สถานการณ์ที่ จ.นครพนม มีการเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงจากฝนตกหนัก น้ำป่า ลมแรง
-พื้นที่อำเภอชายแดนที่ติดกับแม่น้ำโขงและเทือกเขาสูงรวม 5 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอบ้านแพง ที่ติดกับเทือกเขาภูลังกา อำเภอท่าอุเทน อำเภอเมือง อำเภอธาตุพนม และ อำเภอนาแก ที่ติดกับเทือกเขาภูพานน้อย ที่มีความเสี่ยงเกิดน้ำท่วมฉับพลัน จากปัญหาระบายไม่ทัน ซึ่งในส่วนของแม่น้ำโขง คาดว่ายังสามารถรองรับน้ำได้อีกจำนวนมาก เนื่องจากระดับแม่น้ำโขงปีนี้ต่ำกว่าปกติในรอบ 4 -5 ปี เมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกัน ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 5 เมตร ห่างจากจุดวิกฤต ประมาณ 8 เมตร คือ ที่ 13 เมตร ซึ่งยังสามารถรองรับน้ำได้อีกจำนวนมาก หากมีฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวัน รวมถึงลำน้ำสาขายังสามารถไหลระบายลงน้ำโขงได้เร็ว แต่ยังต้องเฝ้าระวังเตรียมพร้อมรับมือปัญหาน้ำไหลระบายลงแม่น้ำโขงช้าในพื้นที่ลุ่ม
ด้านนายมนตรี จารุธำรง ปลัดอาวุโสอำเภอบ้านแพง จ.นครพนม เปิดเผยว่า ในส่วนของพายุโนอึล ที่จะเคลื่อนผ่านเข้ามาในพื้นที่ จ.นครพนม นอกจากปัญหาน้ำท่วมฉับพลัน สิ่งที่ห่วงมากที่สุดคือ เรือไฟของชาวบ้านทั้ง 12 อำเภอ รวมถึง เรือไฟอำเภอบ้านแพง ที่กำลังระดมการก่อสร้างต่อเติมโครงสร้างจากไม้ไผ่ มีความยาว ไม่ต่ำกว่า 60 -80 เมตร ความสูงประมาณ 20 -30 เมตร เพื่อเตรียมประกวดในงานประเพณีไหลเรือไฟออกพรรษา ซึ่งกำลังก่อสร้างต่อเติมเรียงรายตามริมแม่น้ำโขงจึงต้องมีการเตรียมพร้อมเฝ้าระวัง เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะได้รับจากพายุฝนถล่มทำให้เสียหาย จึงต้องเร่งตรวจยึดให้มีความมั่นคงแข็งแรงและตรวจสอบโครงสร้างยึดเข้ากับฝั่งริมน้ำโขงให้แข็งแรงมากที่สุด
อ.เดชอุดม จ.อุบลฯ ฝนตกตั้งแต่ค่ำวานนี้ น้ำท่วมขัง-ต้นไม้ล้มขวางถนน
อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี ได้มีฝนตกลงมาอย่างหนักและมีลมแรงตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำเมื่อคืนนี้ ส่งผลทำให้เกิดน้ำท่วมขังในเขตเทศบาลเมืองเดชอุดม อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี โดยเฉพาะถนนสกลมาร์ค หน้าที่ทำการไปรษณีย์เดชอุดม มีน้ำท่วมสูงเกือบถึงระดับประตูรถ รถเล็กต้องค่อยๆ ผ่านไปมาได้อย่างช้าๆ นอกจากนี้ ที่ถนนเส้นนาเยีย-นาส่วง พบว่ามีต้นไม้โค่นล้มกว่าสิบต้น และที่บ้านยาง ม.4 ต.แก้ง อ.เดชอุดม มีต้นไม้ล้มขวางถนนอีกด้วย
จ.สตูล เตือนคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ประกาศเตือนเรือเล็ก งดออกจากฝั่ง
ลงไปที่ภาคใต้ นายศักดา วิทยาศิริกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูล ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์คลื่นลมทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2 เมตร ทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร โดยมีพื้นที่เฝ้าระวัง
-วันที่ 17-20 ก.ย. คลื่นลมแรง ภาคใต้ จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
-วันที่ 18 -20 ก.ย.น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมขัง ในภาคใต้ จังหวัดชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
นอกจากนี้ ได้ออกประกาศหรือติดตั้งสัญญาณการแจ้งเตือนบริเวณชายฝั่งทะเลสำหรับชาวเรือ ผู้ประกอบการเดินเรือโดยสารให้ตรวจอุปกรณ์ความปลอดภัยให้มีความพร้อมก่อนออกเดินเรือและแนะนำการเดินเรือด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณฝนฟ้าคะนองและเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
CR:กรมอุตุนิยมวิทยา