ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน 2563

17 กันยายน 2563, 18:54น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน 2563



กทม.เตรียมรับมือฝนตกหนัก จากพายุโนอึล



          พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) โพสต์เพจเฟซบุ๊กผู้ว่าฯอัศวินว่า 19 ก.ย.นี้ กรุงเทพฯ เตรียมรับมือฝนตกหนักจากพายุ “โนอึล” โดยระบุว่า กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือนว่าวันที่ 18-20 ก.ย.นี้ พายุโซนร้อนโนอึลระดับ 3 จะเข้าสู่ประเทศไทย ส่งผลให้เกิดลมกระโชกแรง และฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ โดยกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะได้รับผลกระทบจากฝนที่เพิ่มขึ้นในวันที่ 19 ก.ย.63



          กทม.ได้แจ้งทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมรับมือผลกระทบจากฝนตกหนักและน้ำท่วมขังเพื่อให้กระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด โดยขณะนี้กทม.ได้พร่องน้ำในคลองสายต่างๆรวมถึงแก้มลิงทุกแห่ง มีการขุดลอกคลอง และจัดเก็บวัชพืชในคลองอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมท่อระบายน้ำ เครื่องสูบน้ำ สถานีสูบน้ำ อุโมงค์ระบายน้ำ และธนาคารน้ำใต้ดิน เพื่อให้การระบายน้ำทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ



นายกฯ เตือนไทยยังเสี่ยงโควิด-19 ระบาด วางการเมืองไว้ก่อน เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ



          ในเวลาประมาณ 18.00 น. หลังเคารพธงชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะออกแถลงการณ์เรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในโลก ผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย สำหรับเนื้อหาในแถลงการณ์ครั้งนี้ เป็นเรื่องการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในโลก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยพร้อมยกตัวอย่างการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ โดยในประเทศไทยในช่วงสุดสัปดาห์นี้ จะมีการชุมนุมกันในกรุงเทพมหานคร พร้อมขอให้ประชาชนทุกคน ตั้งการ์ดของตัวเองให้สูงขึ้นอีกครั้ง เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น รักษาวินัยที่ดีไว้ อย่างที่เราเคยทำกันมาเพราะสงครามกับโควิด-19จะยังอยู่ไปอีกนาน  



          ส่วนกลุ่มต่างๆที่อยากจะออกมารวมตัวกันประท้วงด้วยเหตุผลต่างๆ กำลังเพิ่มความเสี่ยงอย่างมหาศาล ที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทย เพิ่มความเสี่ยงที่จะทำลายการทำมาหากินของคนไทยด้วยกันอีกสิบๆล้านคน การจุดชนวนการแพร่ระบาดโควิด-19 ให้เสี่ยงที่จะลุกโชนขึ้นมาอีก นั่นจะส่งผลกระทบที่เลวร้ายและทวีคูณปัญหาเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยไปสู่ระดับที่เรายังไม่เคยเจอมาก่อน



          นายกรัฐมนตรี ย้ำว่าพร้อมเคารพความคิดเห็น แต่วันนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความเจ็บปวดเร่งด่วนที่เราจำเป็นต้องจัดการก่อน นั่นคือการบรรเทาความเสียหายทางเศรษฐกิจที่โควิด-19 ได้ก่อให้เกิดขึ้นไปทั่วโลก เราไม่ควรทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งไปกว่านี้  การชุมนุมจะทำให้การฟื้นเศรษฐกิจเกิดความล่าช้า  เรากำลังเดินเข้าสู่ช่วงเวลาที่จะยิ่งยากลำบากมากขึ้น เราจึงควรวางเรื่องการเมืองเอาไว้ก่อน แล้วจับมือร่วมแรงร่วมใจกันผ่านพ้นความยากลำบากที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์โลกไปให้ได้



เพิ่มมาตรการดูแลทำเนียบรัฐบาล รับการชุมนุม 19 กันยายน



          หลังประชุมคณะทำงานเตรียมรับมือกลุ่มผู้ชุมนุม 19 กันยายน พันตำรวจเอกวัชรวีร์ ธรรมเสมา ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล ที่รับผิดชอบดูแลสถานการณ์ภายในทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้นจะให้เจ้าหน้าที่ทำงานอยู่ภายในทำเนียบรัฐบาลเก็บสิ่งของที่จำเป็น และเคลื่อนย้ายรถที่จอดค้างคืนออก ตั้งแต่วันนี้และมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่ม โดยขณะนี้มีกำลังตำรวจปฏิบัติงานในทำเนียบรัฐบาล 2 กองร้อย และมีการเตรียมเสริมกำลังรอบนอกที่พร้อมปฏิบัติการได้ทันทีโดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์  คาดว่าจะไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรง ยืนยันทำเนียบรัฐบาลยังเป็นเขตหวงห้าม และจะไม่ให้มีการปิดล้อมและยึดทำเนียบรัฐบาลเหมือนในอดีต รวมถึงไม่อนุญาตให้เข้าพื้นที่ลานพระราชวังดุสิต แต่หากเข้ามาก็จะมีความผิด พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ เบื้องต้นจะให้กลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ได้แค่สะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยรอบนอกจะเป็นความรับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจนครบาล



เสนอครม. สัปดาห์หน้า  มาตรการเพิ่มกำลังซื้อผู้มีรายได้น้อย



          หลังจากศูนย์บริหารสถานการเศรษฐกิจจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หรือ ศบศ.เห็นชอบหลักการมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศและเพิ่มกำลังซื้อให้แก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อยและประชาชนทั่วไปตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เตรียมสรุปแนวทางให้ชัดเจนทั้งหมดภายในสัปดาห์นี้ เพื่อเสนอที่ประชุม ครม.วันที่ 22 กันยายนนี้ 



          นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ถือบัตรคนจนนั้น รัฐบาลจะจ่ายเงินเข้าบัตรให้คนละ 500 บาท เป็นระยะ 3 เดือน รวมเป็น 1,500 บาท เพื่อให้ผู้ถือบัตรนำเงินไปใช้จ่ายได้ทันที ส่วนบุคคลทั่วไปจะใช้แนวทางคนละครึ่ง คือ รัฐจะให้วงเงินสมทบไม่เกิน 3,000 บาท สำหรับการใช้จ่ายเท่ากับหรือมากกว่า 3,000 บาท มาตรการนี้จะกำหนดให้การสมทบเงินแต่ละวันต่อการใช้จ่ายไม่เกิน 100 บาท โดยรัฐจะจ่ายเงินสมทบให้แก่ร้านค้าในวันถัดไป ยกตัวอย่าง ยอดใช้จ่ายใน 1 วัน อยู่ที่ 100 บาทต่อวัน ประชาชนจ่าย 50 บาท และรัฐจะสมทบให้แก่ร้านค้า 50 บาทต่อวันในวันถัดไป หากใช้จ่าย 200 บาท ประชาชนจ่าย 100 บาท รัฐจะสมทบ 100 บาทให้แก่ร้านค้าในวันถัดไป เป็นต้น



          กลุ่มผู้ถือบัตรไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ แต่บุคคลทั่วไปจะต้องลงทะเบียน โดยรัฐจะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์คนละครึ่ง.com วันที่ 16 ต.ค.นี้ และเริ่มใช้จ่ายได้ 23 ต.ค.นี้

          สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการต้องเป็นร้านค้ารายย่อยเท่านั้น รัฐจะเปิดให้ร้านค้าใหม่เข้าร่วมโครงการได้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ส่วนร้านค้าเดิมที่เคยร่วมโครงการรัฐทั้งชิมช้อปใช้ และเราเที่ยวด้วยกันไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ปัจจุบันมีร้านค้าเข้าร่วมแล้วกว่า 100,000ร้านค้า



กาชาดสากล เผยผลสำรวจชาวเอเชีย ผู้อพยพถูกเลือกปฎิบัติ หลังโควิด-19          



          สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) เตือนว่า โรคโควิด-19 กำลังผลักดันให้เกิดการเลือกปฏิบัติต่อชุมชนในเอเชีย รวมถึงผู้อพยพและชาวต่างชาติ ผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชน 5,000 คน ในอินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมา และปากีสถาน พบว่า ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถาม โทษคนบางกลุ่ม เช่น คนจีน ผู้อพยพ และชาวต่างชาติเป็นการเฉพาะว่าเป็นผู้แพร่เชื้อ ชาวอินโดนีเซียมากกว่าครึ่งที่ทำแบบสอบถาม โทษชาวต่างชาติและผู้ฝ่าฝืนกฎ ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถามในเมียนมา โทษว่าคนแพร่เชื้อส่วนใหญ่มักเป็นคนจีน และชาวต่างชาติอื่นๆ ส่วนในปากีสถาน คนส่วนใหญ่ที่ตอบแบบสอบถาม โทษว่า สาเหตุหลักคือรัฐบาลควบคุมชายแดนด้านที่ติดกับอิหร่านไม่ดีพอ รองลงมาคือคนในชาติ ตามมาด้วยผู้แสวงบุญที่กลับมาจากอิหร่าน และอีกสาเหตุคือคนจีน



          ส่วนที่มาเลเซีย สองในสามของผู้ตอบแบบสอบถาม โทษ “กลุ่มเฉพาะ” โดยระบุถึงผู้อพยพ นักท่องเที่ยวต่างชาติ และ “ชาวต่างชาติที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย” มากที่สุด ทั้งนี้ ในเดือนพฤษภาคม ทางการมาเลเซียได้จับกุมผู้อพยพและผู้ลี้ภัยที่ไม่มีเอกสารหลายร้อยคน ซึ่งองค์การสหประชาชาติ ติงว่ายิ่งผลักดันกลุ่มเสี่ยงยิ่งหลบซ่อนตัว และไม่ยอมเข้ารับการรักษา ขณะที่ตำรวจ กล่าวว่า ปฏิบัติการดังกล่าวมุ่งกันไม่ให้ผู้คนเพ่นพ่าน ในช่วงที่มีการจำกัดการเคลื่อนย้ายของผู้คน



ปัจจัยชุมนุมทางการเมือง ผิดหวังเฟด หุ้นเอเชียปิดลบ



          ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,284.40 จุด ลดลง 9.08 จุด มูลค่าการซื้อขาย 46,006.90 ล้านบาท ปัจจัยมาจากความผิดหวังผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไม่ได้ขยายมาตรการผ่อนคลายรวมถึงการคงอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีก 3 ปี และปัจจัยการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะการชุมนุมทางการเมืองในช่วงสุดสัปดาห์นี้ แม้เบื้องต้นเชื่อว่าคงไม่มีเหตุรุนแรง แต่นักลงทุนเลือกลดความเสี่ยงด้วยการถือครองเงินสดไปก่อน



          ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดลดลงในวันนี้ จากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มส่งออก ปิดที่ระดับ 23,319.37 จุด ลดลง 156.16 จุด



          ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ที่ 24,340.85 จุด ลดลง 384.78 จุด



ปมหนี้สิน สาเหตุฆ่ายกครัว 5 ศพ



          เหตุฆ่ายกครัว 5 ศพ ย่านทุ่งครุ นายณรงค์ โต๊ะงาม อายุ 40 ปี เพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายสิบทหารรุ่น 43  ซึ่งเดินทางมาจาก จ.นครปฐม เพื่อมาทำเอกสารรับศพ จ.ส.อ.อนุวัติ ผู้เสียชีวิต พร้อมเปิดเผยว่า รู้จักกับผู้เสียชีวิตมานานกว่า 20 ปี เจ้าตัวเป็นคนนิ่งๆ เรียบร้อย ไม่ใช่คนใจร้อน ไม่เคยหาเรื่องใคร และไม่คิดว่าเป็นคนที่มีจิตใจรุนแรง ภายหลังผู้ตายแต่งงานก็ลาออกจากราชการ และมาทำธุรกิจเปิดบริษัทส่งออก ก่อนจะเปลี่ยนเป็นธุรกิจรับเหมาก่อสร้างบ้านให้เอกชน กระทั่งเมื่อช่วงเดือนกว่าๆ ผู้ตายเคยปรึกษาปัญหาเรื่องธุรกิจโดยระบุว่าขาดสภาพคล่องทางการเงิน หมุนเงินไม่ทัน หาเงินมาจ่ายค่าจ้างให้ลูกน้องไม่ได้ ส่วนตัวได้ขอเวลาประมาณ 2 สัปดาห์จะช่วยหาทางช่วยเหลือให้ แต่กลับมาเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก่อน รวมทั้งยังไม่ทราบว่าปืนที่ผู้ตายใช้ก่อเหตุนั้นเป็นของใคร จากนี้จะประสานขอรับศพที่ รพ.ศิริราช และเพื่อนๆ จะช่วยกันเปิดบัญชีกลางรวบรวมเงินเพื่อจัดการงานศพต่อไป



ทีมงานฝ่ายค้านรัสเซีย พบ ผู้นำถูกวางยาในน้ำดื่มที่โรงแรมก่อนไปขึ้นเครื่องบิน



          ทีมงานของนายอเล็กซี นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้านรัสเซียเผยว่า ผลตรวจจากห้องปฏิบัติการพบสารพิษทำลายระบบประสาทจากขวดน้ำเปล่าภายในห้องพักของเขาที่โรงแรมในเมืองทอมสค์ ภูมิภาคไซบีเรีย ชี้ว่า เขาถูกวางยาพิษที่โรงแรม ไม่ใช่ที่ท่าอากาศยานอย่างที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก



          ข้อความใต้โพสต์ดังกล่าวระบุว่า พวกเขาได้ตัดสินใจที่รวบรวมทุกอย่างที่อาจเป็นประโยชน์และส่งไปให้คณะแพทย์ในเยอรมนี ข้อเท็จจริงที่ว่าคดีนี้ไม่ได้รับการสืบสวนในรัสเซียเป็นสิ่งที่ชัดเจนแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น 2 สัปดาห์ต่อมา ผลทดสอบห้องปฏิบัติการในเยอรมนีพบว่า มีร่องรอยของสารพิษทำลายประสาทโนวิช็อกอยู่ที่ขวดน้ำดื่มจากห้องพักในโรงแรมของเมืองทอมสค์ 



         ด้านทางการรัสเซียได้เสร็จสิ้นกระบวนการสอบสวนคดีในขั้นต้นแล้ว แต่ระบุว่าจำเป็นต้องได้รับผลตรวจทางการแพทย์ก่อนที่จะเปิดเผยผลการสืบสวนอาชญากรรมอย่างเป็นทางการได้ ขณะที่ทางการอังกฤษกล่าวว่า ค่อนข้างเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า หน่วยข่าวกรองของรัสเซียเป็นผู้ลงมือวางยาพิษนายนาวัลนี ซึ่งเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย พร้อมเรียกร้องให้ทางการรัสเซียอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นเนื่องจากการใช้อาวุธเคมีเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

ข่าวทั้งหมด

X