วางเรื่องการเมืองไว้ก่อน!นายกฯออกแถลงการณ์ ไทยเสี่ยงโควิด-19 ระบาด

17 กันยายน 2563, 18:00น.


          ในเวลาประมาณ 18.00 น. หลังเคารพธงชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะออกแถลงการณ์ เรื่องการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในโลก ผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย สำหรับเนื้อหาในแถลงการณ์ครั้งนี้ เป็นเรื่องการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในโลก ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยพร้อมยกตัวอย่างการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ โดยในประเทศไทยในช่วงสุดสัปดาห์นี้ จะมีการชุมนุมกันในกรุงเทพมหานคร เนื้อหาแถลงการณ์ มีดังต่อไปนี้ 



“วันนี้ ผมขอพูดกับทุกท่านเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้นในโลก ซึ่งไม่ค่อยจะดีนักและอาจจะส่งผลต่อประเทศไทยเราด้วย ในช่วงเวลาข้างหน้านี้



ตอนนี้ กำลังเกิดการระบาดของโควิด-19 ครั้งใหญ่ ระลอกใหม่ ทั้งในยุโรป และที่อื่นๆหลายที่ ตัวอย่างเช่น



-ที่ประเทศสเปน มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 30,000 ราย และปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้นวันละมากกว่า 12,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนการเพิ่มต่อวันที่มากกว่าเมื่อตอนสถานการณ์เลวร้ายที่สุดในเดือนมีนาคมและเมษายน



-ในขณะที่ประเทศฝรั่งเศสตอนนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เกือบ 10,000 คนต่อวัน ซึ่งเป็นจำนวนการเพิ่มต่อวันที่มากกว่าในช่วงที่สถานการณ์แย่ที่สุดเช่นเดียวกัน โดยปัจจุบัน ฝรั่งเศสมีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 30,000 ราย



-ส่วนที่ประเทศอังกฤษ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในหนึ่งสัปดาห์ และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 42,000 ราย



          และที่อื่นๆในโลกก็ด้วยอย่างที่ประเทศอินเดีย ตอนนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่วันเดียวกว่า 90,000 คน หรือที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 30,000 คนต่อวัน และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วเกือบ 200,000 ราย



          โลกกำลังตกอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ครั้งใหญ่ ระลอก 2 อย่างชัดเจน เมื่อช่วงเริ่มต้นที่เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 บนโลก ประเทศไทยเริ่มรับมือและพยายามระงับการแพร่ระบาดในประเทศ อย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว นั่นคือเหตุผลที่วันนี้ ประเทศไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่ถึง 10 คนต่อวัน เมื่อเราเทียบกับประเทศอื่น หลายประเทศที่ลังเลการปิดประเทศและไม่ได้ดำเนินมาตรการตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น ทำให้วันนี้ประเทศเหล่านั้นมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันมากกว่าประเทศไทยเป็นพันๆ เท่า



          การที่ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์แบบปัจจุบันนี้ได้ ถือเป็นความสำเร็จของแพทย์ทุกท่าน อาสาสมัครสาธารณสุขที่น่าทึ่งทุกคน พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่บุคลากรด้านอื่นๆที่เกี่ยวข้องทุกคน ซึ่งเป็นผู้กล้าหาญที่อยู่แนวหน้า ช่วยยับยั้งและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย รวมถึงหน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานที่ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพในศบค.



          แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือคนไทยทั้งประเทศ ที่ร่วมแรงร่วมใจกันเป็นหนึ่งเดียว ยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19ในประเทศไทย ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และเว้นระยะห่างทางสังคม



          ตอนนี้ เมื่อในโลก โควิด-19 กำลังกลับมาระบาดใหญ่อีกครั้ง ผมจึงอยากจะขอพี่น้องประชาชนทุกคนให้ลุกขึ้นมาตั้งการ์ดของตัวเองให้สูงขึ้นอีกครั้ง เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น รักษาวินัยที่ดีไว้ อย่างที่เราเคยทำกันมา เพราะสงครามกับโควิด-19จะยังอยู่ไปอีกนาน



          ผมขอใช้โอกาสนี้ พูดกับคนกลุ่มต่างๆที่อยากจะออกมารวมตัวกันประท้วงด้วยเหตุผลต่างๆของท่านเมื่อเวลาที่ท่านมารวมตัวกัน ท่านกำลังเพิ่มความเสี่ยงอย่างมหาศาล ที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทย และขณะเดียวกันท่านกำลังเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำลายการทำมาหากินของคนไทยด้วยกันอีกสิบๆล้านคน การจุดชนวนการแพร่ระบาดโควิด-19 ให้เสี่ยงที่จะลุกโชนขึ้นมาอีก นั่นจะส่งผลกระทบที่เลวร้ายและทวีคูณปัญหาเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยไปสู่ระดับที่เรายังไม่เคยเจอมาก่อน



ผมขอให้ทุกท่าน คำนึงถึงเรื่องนี้ให้มาก



          ในประเทศอื่น การรวมตัวกันและการไม่รักษาวินัยในการป้องกันโรคระบาด ได้สร้างปัญหาให้กับประชาชนคนอื่นๆในประเทศของตัวเองมาแล้ว ตอนนี้ รัฐมนตรีสาธารณสุขของประเทศอังกฤษ และประเทศอื่นๆในยุโรป กำลังเริ่มพูดถึงการกลับมาเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง หรืออย่างในรัฐใหญ่รัฐหนึ่งของประเทศออสเตรเลีย ตอนนี้การเปิดร้านค้าและออฟฟิศหรือแค่การจะออกจากบ้าน ก็ยังมีข้อบังคับและข้อจำกัดมากมาย



          ส่วนในบ้านเรา แม้ว่าการไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศ จะสร้างความเจ็บปวดให้เราอย่างมาก แต่อย่างน้อยร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆ ยังเปิดได้อยู่ โรงเรียน ไซต์งานก่อสร้าง โรงงาน และสำนักงาน ยังเปิดได้ และการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยด้วยกันเองก็ยังคงทำได้อยู่  ดังนั้น เราจึงไม่ควรทำอะไรก็ตามที่จะเพิ่มความเสี่ยงให้ประเทศไทยต้องกลับไปล็อกดาวน์อีกครั้ง เหมือนเมื่อเดือนมีนาคมและเมษายน แบบนั้นจะยิ่งเพิ่มความเดือดร้อนและเจ็บปวดให้กับทุกคน



          ผมขอบอกทุกคนที่อยากจะออกมาชุมนุม ชัดๆว่า ผมได้ยินสิ่งที่ท่านพูด ผมรับทราบความคับข้องใจของพวกท่านในเรื่องการเมือง และความไม่พอใจเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ



         ผมเคารพ ความคิดเห็นและความรู้สึกของท่าน  แต่วันนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความเจ็บปวดเร่งด่วนที่เราจำเป็นต้องจัดการก่อน นั่นคือการบรรเทาความเสียหายทางเศรษฐกิจที่โควิด-19 ได้ก่อให้เกิดขึ้นไปทั่วโลก เราไม่ควรทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งไปกว่านี้  การชุมนุมจะทำให้การฟื้นเศรษฐกิจเกิดการล่าช้า เพราะจะทำลายความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ และสร้างความลังเลใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะมาเมืองไทย เมื่อถึงเวลาที่เราพร้อมจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง การชุมนุมจะสร้างความวุ่นวายในประเทศ และทำลายสมาธิการทำงานของภาครัฐในการจัดการกับโควิด-19และปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน



          ผมจึงอยากขอให้เราเอาชนะโควิด-19 และผ่านวิกฤตโลกครั้งนี้ไปด้วยกันให้ได้ก่อน หลังจากนั้นเราค่อยกลับมาที่เรื่องการเมือง



          ในสถานการณ์ปัจจุบันหลายประเทศใช้ความเด็ดขาดในการยุติการประท้วง ด้วยเหตุผลที่ไม่ยอมให้เกิดการกระทำที่จะเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยหลายประเทศ ห้ามไม่ให้มีการรวมตัวใดๆทั้งสิ้น อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ ในประเทศเยอรมนี เมื่อมีการประท้วงของคนจำนวนกว่า 38,000 คน มีผู้ถูกจับดำเนินคดีมากกว่า 300 คน ในคดีทำลายโอกาสของประเทศในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การศึกษา และสังคม



          แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมสั่งการไปคือ ขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติกับผู้ชุมนุมด้วยความนิ่มนวล เพราะผมยังเชื่อว่า ผู้ที่จะออกมาประท้วง จะมีความตระหนักรู้ ถึงสิ่งที่ควรต้องระมัดระวัง และอยู่ในขอบเขต แต่ผมก็ขอฝากไปถึงทุกคนที่จะออกมารวมตัวกันว่า ขอให้นึกถึงพี่น้องคนไทยด้วยกันให้มากๆ คนไทยอีกเป็นสิบๆ ล้านคน ที่จะได้รับผลกระทบจากการที่ท่านกำลังเพิ่มความเสี่ยงในการเจ็บป่วยจากโควิด-19 และเพิ่มความเสี่ยงให้เราต้องกลับไปล็อกดาวน์อีกครั้ง



          ภารกิจของผมชัดเจน คือ ผมต้องปกป้องคนไทยไม่ให้เกิดการสูญเสียในชีวิต เป็นหมื่นๆ ชีวิต เหมือนในประเทศอื่นและป้องกันหายนะทางเศรษฐกิจที่จะตามมาจากการเสียชีวิตของผู้คน และหายนะที่จะตามมาจากการล็อกดาวน์ เพราะฉะนั้น เรายังต้องระมัดระวัง ในการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา เพราะมีความเสี่ยงในการนำเชื้อโควิด-19เข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งจะยิ่งสร้างปัญหาให้กับเราทุกคน



         แต่ในขณะที่ทำอย่างนั้น ผมก็รู้ถึงความเจ็บปวดของทุกคนที่อยู่ในภาคการท่องเที่ยว ผมรู้สึกจริงๆ ครับว่าทุกคนเจ็บปวด หลายครั้งผมนอนไม่หลับนะครับ เมื่อคิดถึงจำนวนคนที่ต้องตกงานและจำนวนธุรกิจที่ต้องปิดกิจการลง



          เรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก ซึ่งไม่มีทางออกไหนที่ไม่มีความเจ็บปวดรออยู่ การเปิดประตูประเทศ อาจจะทำให้มีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาในระดับนึง แต่เราก็รู้ว่า จะมีโควิด-19 เข้าประเทศมาด้วยแน่นอน แม้จะมีการตรวจเช็คขนาดไหนก็ตาม สิ่งที่ผมกังวลคือ หากเกิดการระบาดใหญ่เป็นวงกว้างในประเทศ เราอาจจะไม่สามารถรับมือได้ และถ้ามันเกิดขึ้นแบบนั้น ความเดือดร้อนในเรื่องของเศรษฐกิจปากท้องจะยิ่งรุนแรงกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งจะไม่ได้ส่งผลเฉพาะกับภาคการท่องเที่ยวอย่างเดียวแต่จะส่งผลกับทุกภาคส่วนในสังคม



          พี่น้องครับ เรากำลังเดินเข้าสู่ช่วงเวลาที่จะยิ่งยากลำบากมากขึ้น เราจึงควรวางเรื่องการเมืองเอาไว้ก่อน แล้วจับมือร่วมแรงร่วมใจกัน ผ่านพ้นความยากลำบากที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์โลกไปให้ได้ ผมขอให้ทุกคนยกการ์ดของตัวเองให้สูงอีกครั้ง สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่างทางสังคม และโชว์สปิริตของความเป็นไทยต่อไป ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันเอาชนะโควิด-19 ไปให้ได้”

ข่าวทั้งหมด

X