‘ทรัมป์’ ไม่ติดไวรัส ห้ามสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์เข้าสหรัฐฯ
แพทย์ประจำตัวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ อายุ 73 ปีเปิดเผยว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ เข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อวันศุกร์ (13 มี.ค) และมีผลเป็นลบ ซึ่งเป็นการตรวจหลังการร่วมรับประทานอาหารค่ำกับคณะผู้แทนบราซิลที่มาอะ-ลาโก 1 สัปดาห์
ด้านนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศห้ามผู้เดินทางจากสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์เดินทางเข้าสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการออกประกาศเพิ่มเติมจากประกาศของประธานาธิบดีก่อนหน้านี้ที่ห้ามกลุ่มประเทศยุโรปเดินทางเข้าประเทศ ขณะที่สถานการณ์ไวรัสในสหรัฐฯ ทำให้มีชาวอเมริกันเสียชีวิตแล้ว 51 ราย
ขณะที่นางอิวองกา ทรัมป์ บุตรสาวของประธานาธิบดี และนายวิลเลียม บาร์ รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ เข้ารับการกักตัวและทำงานจากที่บ้านพักหลังจากที่นายทอม ดัตตัน รัฐมนตรีกิจการภายในออสเตรเลีย เข้าพบทั้งคู่ หลังจากนั้นก็แจ้งว่าติดเชื้อ
อิตาลีติดเชื้อแล้วเกือบ 25,000 คน เสียชีวิตแล้วมากกว่า 1,800 ราย
สำนักงานป้องกันพลเรือนอิตาลีเปิดเผยว่าในรอบ 24 ชั่วโมงของวันที่ 15 มีนาคม มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศมากถึง 3,590 คนทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 24,747 คนแล้ว และมีผู้เสียชีวิตถึง 368 ราย รวมเสียชีวิตแล้ว 1,809 ราย โดยอิตาลีเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุดในทวีปและอันดับ 2 ของโลก โดยสาเหตุส่วนหนึ่งคือการที่อิตาลีมีประชากรมากกว่า 1 ใน 4 เป็นผู้อายุเกิน 65 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง
นายกรัฐมนตรีจูเซปเป คอนเต ของอิตาลี กล่าวว่า นโยบายเร่งด่วนในเวลานี้คือการจัดหาอุปกรณ์ป้องกันให้บุคลากรทางการแพทย์ และเน้นการควบคุมโรคในแคว้นลอมบาร์ดี ซึ่งมีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประเทศ
สหราชอาณาจักรเตรียมขยายระยะเวลากักตัวผู้สูงอายุ
ภายในสัปดาห์นี้ รัฐบาลสหราชอาณาจักรจะประกาศใช้กฎหมายฉุกเฉิน เพื่อห้ามประชาชนจำนวนมากมารวมตัวกันซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการจัดงาน และกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ งานเทศกาลดนตรี และการแข่งขันกีฬา นายแมท แฮนค็อก รัฐมนตรีสาธารณสุขสหราชอาณาจักร เตรียมประกาศขยายเวลากักตัวผู้สูงอายุที่มีอายุระหว่าง 70-80 ปีต่อไปอีก เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งนายแฮนค็อก กล่าวว่า ถือเป็นการร้องขอผู้สูงอายุและผู้ต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งนอกจากการขอให้อยู่ภายในบ้านแล้ว ยังขอให้งดเว้นการเยี่ยมเยือนด้วย
เช็ก, โปแลนด์ และเดนมาร์ก ปิดประเทศ หลังองค์การนามัยโลกระบุยุโรปคือศูนย์กลางของโควิด-19
องค์การอนามัยโลก ระบุว่า ยุโรปกำลังกลายเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้น สวนทางกับจีนที่มีจำนวนลดน้อยลง โดยอิตาลีมีผู้ติดเชื้อมากที่สุดนอกประเทศจีน คือมีจำนวนมากกว่า 21,000 คนแล้วรองลงมาคือสเปนมากกว่า 6,300 คน เยอรมนีมากกว่า 4,500 คน และฝรั่งเศสมากกว่า 4,400 คน ซึ่งดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ระบุว่า ประเทศต่างๆจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเบ็ดเสร็จรอบด้าน เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดนี้ โดยให้ตรวจสอบหาผู้ติดเชื้อ การหาต้นตอการติดเชื้อ การกักตัวผู้ติดเชื้อ และการยกเลิกการชุมนุมในที่สาธารณะ
หลังจากที่องค์การอนามัยโลกออกประกาศ ทางการสาธารณรัฐเช็ก ประกาศปิดร้านอาหารและร้านค้าต่างๆ ยกเว้นร้านขายยา ร้านจำหน่ายของกินของใช้ และสถานีเติมน้ำมันเป็นเวลา 10 วันคือตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ (14 มี.ค.) ไปจนถึงวันอังคารที่ 24 มีนาคม
ราชอาณาจักรเดนมาร์ก ออกประกาศมาตรการควบคุมการผ่านแดนเข้าประเทศไปจนถึงวันที่ 13 เมษายน โดยไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวและบุคคลต่างชาติ เดินทางเข้าประเทศโดยไม่มีเหตุจำเป็น แต่อนุญาตให้มีการขนส่งสินค้า อาหาร และยาเข้ามาในพรมแดนได้ ทั้งขอให้ชาวเดนมาร์กที่ท่องเที่ยวอยู่ในต่างประเทศเดินทางกลับเดนมาร์กโดยเร็วที่สุด ผู้ที่อยู่ในประเทศแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปต่างประเทศหากไม่มีเหตุจำเป็น
สาธารณรัฐโปแลนด์ ประกาศปิดชายแดนไปจนถึงวันที่ 24 มีนาคม โดยสามารถเดินทางออกนอกประเทศทางรถยนต์หรือรถบัสได้ แต่ผู้ที่จะเดินทางเข้าโปแลนด์ต้องเป็นผู้ถือสัญชาติโปแลนด์, คู่สมรสของชาวโปแลนด์, บุตรของชาวโปแลนด์ หรือมีใบอนุญาตทำงานในโปแลนด์ เมื่อเดินทางมาถึงต้องกักตัวเอง 14 วัน
สเปนและฝรั่งเศสออกมาตรการฉุกเฉิน
ฝรั่งเศสและสเปนออกมาตรการฉุกเฉิน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด โดยฝรั่งเศสได้สั่งปิดร้านอาหาร คาเฟ่ โรงภาพยนตร์ และร้านค้าต่าง ๆ ขณะที่ร้านขายยา ปั๊มน้ำมัน ร้านขายของชำ และระบบขนส่งต่าง ๆ ยังคงเปิดให้บริการ
ส่วนสเปนห้ามประชาชนออกจากบ้านเรือน ยกเว้นการออกจากบ้านเพื่อไปซื้อสิ่งของจำเป็นและยา หรือไปทำงาน โดยในช่วงสุดสัปดาห์สเปนพบผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 1,500 คนและทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศนี้เพิ่มเป็น 7,798 คนแล้ว สูงสุดอันดับสองในยุโรปรองจากอิตาลี
โคลอมเบียเนรเทศ นทท.ฝรั่งเศส-สเปน
เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองโคลอมเบีย เนรเทศนักท่องเที่ยวคู่สามีภรรยาชาวฝรั่งเศสและชาวสเปนที่ฝ่าฝืนคำสั่งกักกันชาวต่างชาติจากประเทศที่มีการระบาดอย่างหนัก ตามที่ประธานาธิบดีอีวาน ดูเก ของโคลอมเบียมีคำสั่งให้ผู้ที่เดินทางเข้าประเทศที่มาจากฝรั่งเศส, สเปน, อิตาลีและจีนจะต้องกักกันตัวเมื่อเดินทางมาถึงโคลอมเบีย แต่คู่สามีภรรยาชาวฝรั่งเศสวัยราว 60 ปี เดินทางมาถึงโคลอมเบียในวันที่ 11 มีนาคม และจะต้องกักตัวอยู่ในโรงแรม 14 วัน แต่พวกเขาเดินทางไปเที่ยวที่เมืองมอนกุย ส่วนคู่สามีภรรยาชาวสเปนอายุ 30 ปีและ 27 ปี เดินทางมาถึงโคลอมเบียเมื่อวันที่ 12 มีนาคม แล้วออกจากโรงแรมไปเที่ยวในกรุงโบโกตา เจ้าหน้าที่จึงนำตัวทั้ง 2 คู่มาส่งที่ท่าอากาศยาน เอลโดราโด และแจ้งให้ออกจากโคลอมเบียในทันที
กรุงจาการ์ตาสั่งปิดโรงเรียน 2 สัปดาห์
กระทรวงสาธารณสุขของอินโดนีเซีย ประกาศว่านับตั้งแต่พบผู้ป่วยรายแรกในประเทศเมื่อวันที่ 2 มีนาคม จนถึงปัจจุบันมีผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 96 คน รักษาหายแล้ว 8 คน แต่เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย
ขณะที่นายอานิส บาสเวดาน ผู้ว่าการกรุงจาการ์ตา ประกาศปิดโรงเรียนอย่างน้อย 14 วันนับตั้งแต่วันนี้ (16 มี.ค.) โดยให้สถาบันการศึกษาจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์แทน และให้ปิดพิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ สวนสนุกและสวนสาธารณะทุกแห่งในเมืองหลวงเป็นเวลา 2 สัปดาห์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
...