สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนแต่กลับมีกลุ่มบุคคล รวมถึงผู้ประกอบการบางคนใช้ช่วงโอกาสแสวงหาผลประโยชน์ เช่น การกักตุนสินค้าทั้งหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ การจำหน่ายสินค้าในราคาสูงเกินควร จำหน่ายสินค้าไม่มีคุณภาพ หรือ นำสินค้าใช้แล้วมาหลอกขายว่าเป็นสินค้าใหม่ และหลอกลวงขายสินค้าซึ่งไม่มีอยู่จริงให้ประชาชน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กำชับให้สถานีตำรวจและหน่วยงานในสังกัด เฝ้าติดตามตรวจสอบ หากพบการกระทำผิดให้รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทุกราย โดยมีอัตราโทษ
-การกักตุนสินค้าควบคุมโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เป็นความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มาตรา30 ประกอบมาตรา 41 โทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- การจำหน่ายสินค้าและบริการที่ควบคุมเกินราคา เป็นความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มาตรา39 ประกอบมาตรา 26 วรรคสอง โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
-การจำหน่ายสินค้าด้อยคุณภาพเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
-การหลอกลวงขายสินค้าซึ่งไม่มีอยู่จริงให้ประชาชน อาจเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ตามมาตรา 341 แห่งประมวลกฎหมายอาญา โทษจําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ หากฉ้อโกงประชาชน ตามมาตรา 343 แห่งประมวลกฎหมายอาญา โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แล้วแต่กรณี