รมช.สาธิต เผยวันนี้ผีน้อยกลับมาอีก 4 เที่ยวบิน
จากปัญหาบุคลากรทางการแพทย์ขาดแคลนหน้ากากอนามัย นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าได้จัดส่งหน้ากากอนามัยที่ได้รับการจัดสรรจากกระทรวงพาณิชย์ไปถึงโรงพยาบาลรัฐ 4 แสน 3 หมื่นชิ้นแล้ว โดยในจ.นครราชสีมา สุรินทร์ บุรีรัมย์ รับไปประมาณ 1 แสนชิ้น ภาคเหนือรับไป 7 หมื่นชิ้น และกระจายตามจังหวัดต่างๆ ส่งของวันละ 3 แสน 6 หมื่นชิ้นต่อวัน เชื่อมั่นว่า ภายในวันที่ 12 มีนาคมนี้โรงพยาบาลต่างจังหวัดจะได้รับครบทุกแห่ง
ส่วนความคืบหน้าการกักตัวผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ที่สัตหีบมี 188 คน ยังสามารถรองรับได้อีก 200 คน ส่วนบุรีรัมย์มี 200 คน และขออภัยที่สถานที่อาจจะยังไม่พร้อม โดยจะมีการปรับปรุง และขอขอบคุณบุรีรัมย์ ส่วนที่สัตหีบวันนี้จะมีการส่งตัวไปอีก 4 เที่ยวบิน ส่วนคนที่หนีการรายงานตัว ขณะนี้มารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่แล้ว 74 คน จาก 80 คนโดย 3 คนอยู่ใน กทม.กำลังจะเดินทางกลับ ส่วนอีก 3 คนอยู่ระหว่างการเดินทาง
ร.อ.ธรรมนัส คาดว่า 13 มี.ค.นี้จะทราบความจริงคดีกักตุนหน้ากากอนามัย
กรณีที่มีการกล่าวหาว่าคณะทำงานของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีการกักตุนหน้ากากอนามัยจำนวน 200 ล้านชิ้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ขณะนี้ความจริงปรากฏออกมาแล้ว คาดว่าไม่เกินวันที่ 13 มีนาคมนี้จะทราบความจริง และเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง ส่วนการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนนายพิตตินันท์ รักเอียด ที่ถูกกล่าวหาพาดพิงจะทราบผลสรุปวันนี้ (10 มี.ค.) แต่ในเบื้องต้นได้ปลดออกจากคณะทำงานไปตั้งแต่เมื่อวานนี้ (9 มี.ค.) แล้ว
ครม.พิจารณาลดค่าครองชีพสู้โควิด-19
ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ซึ่งกระทรวงพลังงานเสนอ 4 มาตรการอุ้มเศรษฐกิจสู้โควิด-19 ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินที่จะกลับคืนสู่ประชาชน
ส่วนกระทรวงการคลัง จะเสนอขอรับการจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมทั้งสิ้น 691 ล้าน 1 แสน 2 หมื่นบาท เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท และเสนอการโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนเงินกู้ FlDF1 และ FIDF3 พร้อมทั้งเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดด่านศุลกากรและด่านพรมแดน กำหนดด่านพรมแดนแม่สอด แห่งที่ 2 ของด่านศุลกากรแม่สอด
มหาดไทยอนุมัติงบฯลงพื้นที่ให้ท้องถิ่นเร่งผลิตหน้ากากอนามัยแบบผ้าแล้ว
ความคืบหน้าการให้ชุมชนท้องถิ่นร่วมกันผลิตหน้ากากอนามัย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า มีการฝึกวิทยากรได้ประมาณ 1 แสนคนแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (9 มี.ค.) ได้สั่งจ่ายเงินไปยังจังหวัดแล้ว ดังนั้นภายในสัปดาห์นี้เงินน่าจะลงไปถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อปท. แล้ว
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมกับพาณิชย์จังหวัด และเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันตรวจสอบร้านค้ามากกว่า 1,000 ร้าน พบว่ามีของอยู่แค่ไม่กี่ร้าน ดังนั้นเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องกักตุนอย่างเดียว ขอให้เข้าใจว่าทั้งประเทศเมื่อหักที่จะต้องให้บุคลากรทางการแพทย์แล้ว จะเหลือประมาณวันละ 6 แสนชิ้น กระจายไปทั้งประเทศ อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการจังหวัดจะประสานเจ้าหน้าที่ออกสุ่มตรวจ และหากมีการกักตุนก็จะดำเนินการตามกฎหมาย
อย.แจงประกาศเจลล้างมือต้องมีแอลกอฮอล์มากกว่า 70%
นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า เจลล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกหนึ่งในการใช้ทำความสะอาด เพื่อสุขลักษณะที่ดีในการป้องกันโรคโควิด-19 โดยได้มีการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดลักษณะของเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เพื่อสุขอนามัยสำหรับมือที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือขาย พ.ศ. 2563 ที่ได้ลงเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ ในวันนี้ (10 มี.ค.) กำหนดให้ผลิตภัณฑ์นี้เป็นเครื่องสำอางและต้องมีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ไม่ต่ำกว่า 70% โดยปริมาตร เนื่องจาก หากมีปริมาณแอลกอฮอล์น้อยกว่า 70% โดยปริมาตรจะฆ่าเชื้อโรคไม่ได้
IMF เรียกร้องนานาประเทศกำหนดนโยบายจำกัดผลกระทบทางเศรษฐกิจ
นางกิตา โกปินาธ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ และจำเป็นต้องมีนโยบายที่มีเป้าหมายสำคัญ คือ การไม่ให้วิกฤตชั่วคราวนี้ส่งผลกระทบอย่างถาวรกับประชาชนและบริษัทต่างๆจนเกิดการตกงานและการล้มละลาย โดยในการกำหนดโยบายจะต้องมีการติดตามความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการเงินระหว่างแรงงานและภาคธุรกิจ ผู้ปล่อยกู้และผู้กู้ ตลอดจนซัพพลายเออร์และผู้ใช้ขั้นปลาย เพื่อพิจารณาว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นหรือไม่ หลังจากที่การแพร่ระบาดลดลง ประเทศที่พึ่งพาเงินทุนจากต่างประเทศ อาจเผชิญความเสี่ยงจากการที่ราคาน้ำมันลดลงอย่างรวดเร็ว และภาวะตลาดที่ผันผวน
ญี่ปุ่น ชี้การต่อสู้กับโควิด-19 อาจยืดเยื้อถึงปีหน้า
คณะผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อของรัฐบาลญี่ปุ่น ระบุว่า การต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจต้องใช้เวลาหลายเดือน หรืออาจต้องใช้เวลาจนถึงปีหน้า เนื่องจากเชื้อไวรัสชนิดนี้อาจทนต่อสภาพอากาศอบอุ่น
ด้านสภากาชาดญี่ปุ่น แสดงความกังวลที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดภาวะขาดแคลนสต็อกเลือด เนื่องจากประชาชนบริจาคเลือดน้อยลงในช่วงที่ไวรัสโค-19 แพร่ระบาด โดยปริมาณเลือดที่มีการบริจาค ลดลงนับตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่รัฐบาลออกประกาศให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการออกจากอาคารสถานที่เพื่อควบคุมการระบาด
...