ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น. วันพุธที่ 25 ธันวาคม 2562

25 ธันวาคม 2562, 09:12น.


หอการค้าไทย คาดเงินสะพัดปีใหม่ ขยายตัว1.9 % ต่ำสุดในรอบ 12 ปี



          ผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ จากกลุ่มตัวอย่าง 1,223 ตัวอย่างทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 11-20 ธ.ค.2562 นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 76.8 วางแผนออกนอกพื้นที่ในช่วงปีใหม่เพื่อเดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัด ร้อยละ 84.7  วางแผนท่องเที่ยวในประเทศ มีค่าใช้จ่ายรวมคนละ 15,615 บาท ร้อยละ 15.3 วางแผนท่องเที่ยวต่างประเทศ มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 58,842 บาท คาดว่า ประชาชนจะออกเดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงวันที่ 28 ธ.ค. 2562 และกลับวันที่ 1 ม.ค. 2563 เฉลี่ยประมาณ 3-5 วัน ไปเที่ยวเฉลี่ย 2-4 คนต่อกลุ่ม



          กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมใช้จ่ายสำหรับตนเองในช่วงปีใหม่ ส่วนใหญ่ร้อยละ 91.1 ทำบุญทางศาสนา รองลงมาร้อยละ 90.7 สังสรรค์ จัดเลี้ยง ท่องเที่ยว ร้อยละ 76.8 จากพฤติกรรมการใช้จ่ายดังกล่าว ส่งผลทำให้เงินสะพัดในช่วงเทศกาลปีใหม่ปีนี้ ขยายตัวร้อยละ 1.9 เป็นการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 12 ปี คิดเป็นมูลค่า 137,809 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนระมัดระวังในการใช้จ่ายอย่างมาก เนื่องจาก เศรษฐกิจยังคงชะลอตัว ปัญหาที่รัฐบาลควรแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด คือ เศรษฐกิจโดยรวม ปัญหาสังคม เสถียรสภาพทางการเมือง ปัญหาทุจริต และการเตรียมความพร้อมรับมือภัยธรรมชาติ ปัจจัยที่น่าห่วงในปี 2563 ยังเป็นปัญหาเศรษฐกิจ การศึกษา สุขอนามัย  ปัญหาเยาวชน เป็นต้น



ศาล จ.นนทบุรี จำคุก1 เดือน ปรับ 5,000 บาท คนขับรถทัวร์ ทำรถติดยาว



          การดำเนินคดีคนขับรถทัวร์โดยสารทั้ง 5 คน ที่ขับตามกันมาในช่องทางขวาและปาดเข้าเส้นทึบคอสะพานข้ามแยกพงษ์เพชร ขวางทางรถทุกคันที่จะขึ้นสะพานข้ามแยก ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก พ.ต.อ.ธีรวัจน์ ขจรเกียรติภาส ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ แจ้งข้อกล่าวหาเอาผิด ผู้ขับรถทัวร์โดยสารไม่ประจำทางในข้อหา ขับขี่รถโดยไม่คำนึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 43(8) มาตรา 160 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 ถึง 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ กับผู้ขับขี่ทั้ง 5 ราย คดีนี้ศาลจังหวัดนนทบุรีได้พิพากษา สั่งจำคุก 1 เดือน ปรับ 5,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี และให้มาบำเพ็ญประโยชน์สาธารณะทุกๆ 3 เดือน จำนวน 4 ครั้ง ทั้ง 5 คน



เร่งตามจับ!คนร้ายใช้ปืนจี้พนักงานกสิกรฯ สาขาซับสมอทอด กวาดเงินไป 2 ล้าน



           ร.ต.อ.อนุชา พูลยอด ร้อยเวร สภ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ เร่งติดตามคนร้ายใช้อาวุธปืนบุกเดี่ยวจี้ชิงทรัพย์ที่ธนาคารกสิกรไทย สาขาซับสมอทอด ตั้งอยู่ในตลาดซับสมอทอด อ.บึงสามพัน ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบเจ้าหน้าที่ธนาคารยังตกใจ จากการสอบสวนทราบว่า คนร้ายมีเพียงคนเดียวสวมหมวกกันน็อกสีดำแบบเต็มใบเพื่อปิดบังใบหน้า สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีเทา กางเกงขายาวสีเข้ม รองเท้าผ้าใบสีขาว ซุ่มรออยู่ด้านประตูหลังของธนาคารซึ่งเป็นประตูสำหรับพนักงานเข้า-ออก รอจังหวะที่พนักงานเปิดประตูเดินเข้าธนาคาร คนร้ายฉวยโอกาสรีบวิ่งเข้าไปด้านในของธนาคาร จากนั้นกระโดดข้ามเข้าไปที่เคาน์เตอร์ใช้อาวุธปืนจี้ นายเทวินทร์ สิงห์เวียง อายุ 52 ปีเจ้าหน้าที่บริหารเงินสด บังคับให้เปิดตู้เซฟ แล้วกวาดเงินสดไปประมาณ 2 ล้านบาท หลังจากนั้นหลบหนีไปทางด้านหลังธนาคารโดยใช้อาวุธปืนจี้จับนายเทวินทร์ไปเป็นตัวประกันด้วย ระหว่างเกิดเหตุนายบุญลือ ณ วิเชียร อายุ 45 ปี รปภ.ธนาคาร ได้ใช้อาวุธปืนเล็งไปที่คนร้ายเกือบตลอด แต่ไม่กล้ายิงเพราะเกรงว่ากระสุนจะถูกนายเทวินทร์ ก่อนที่คนร้ายจะปล่อยตัวนายเทวินทร์ แล้วขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นเวฟสีน้ำเงิน-ดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนหลบหนีไป



ผตห.ชิงทองห้างย่านวังหิน รับสารภาพเอาเงินไปใช้หนี้พนันออนไลน์



          หลังจากที่เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จับกุมนายนิพัฒน์ ใจชอบสันเทียะ อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา หลังจากเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ก่อเหตุยิงประตูกระจกร้านทองเยาวราชเอเชีย สาขาเจซี หน้าห้างเทสโก้โลตัส สาขาวังหิน แขวงและเขตลาดพร้าว ก่อนชิงสร้อยคอทองคำ และแหวนทองต่าง ๆ น้ำหนักรวม 120 บาท มูลค่ากว่า 2.6 ล้านบาท วันนี้ 10.00 น. จะมีการแถลงข่าวเพิ่มเติม นายนิพัฒน์ ให้การรับสารภาพว่าต้องการหาเงินไปใช้หนี้พนันออนไลน์ หลังก่อเหตุได้ขับรถจักรยานยนต์ไปจอดทิ้งในซอยพหลโยธิน 53 ก่อนจะขนทองคำที่ชิงมาได้ไปที่บ้านเกิด จ.กำแพงเพชร จากนั้นเดินทางไปที่ อ.แม่สอด จ.ตาก แล้วนำทองบางส่วนข้ามฝั่งไปเล่นบัคคาราที่กาสิโนในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา จนย้อนกลับมาที่ฝั่งไทยและถูกจับได้ที่ ริมถนนบ้านท่าอาด หมู่ 4 ต.บ้านสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ก่อนนำตัวไปตรวจค้นบ้านพักที่ จ.กำแพงเพชร พร้อมทั้งยึดของกลาง สร้อยคอทองคำ กำไลข้อเท้า ฯลฯ ได้กว่า 40 ชิ้น  



ภาค 1 แถลงจับ 2 คนร้ายฆาตกรรมเซลล์ขายปุ๋ย



          การคลี่คลายคดีฆาตกรรม น.ส.กลิ่นเกษร วงษ์สิงห์ อายุ 33 ปี ชาว จ.ชัยนาท เซลส์ขายปุ๋ยและเปิดร้านให้เช่าชุดไทยใน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ภายในซากรถเก๋ง หมายเลขทะเบียน 4 กฐ 6348 กรุงเทพมหานคร จมน้ำในคลองชลประทานชัยนาท-ป่าสัก นานกว่า 3 ปี โดยถูกหุ้มด้วยผ้าปูที่นอน และเป็นบุคคลสูญหายเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2559 ที่ สภ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ขณะที่แม่ เปิดเผยว่าลูกสาวน่าจะถูกคนร้ายฆาตกรรมอำพรางคดี



          เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ควบคุมตัวนายสันติ จึงทองดี หรือ เสี่ยไฮ้ และนายนิวัฒน์ เฉลิมวัฒน์ หรือ แจ๊ค ภายในโรงงาน ก่อนนำตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมที่ บก.ภ.จว.สระบุรี ผู้ต้องหาทั้งสองคนยอมให้จับกุม เสี่ยไฮ้ ยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมเตรียมสู้คดี ตำรวจภูธรภาค 1 จะแถลงรายละเอียดในช่วง 10.00 น. ก่อนหน้านี้  พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 ยืนยันว่า จากพยานหลักฐานต่างๆทั้งพยานวัตถุและพยานบุคคล พบความเชื่อมโยงมาถึงตัวผู้ต้องหาทั้งสองคน และเชื่อว่าจะสามารถใช้ในการดำเนินคดีกับทั้งสองคนได้ สาเหตุคาดมาจากเรื่องชู้สาว โดยเฉพาะหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ แม้จะผ่านมา 3 ปีแล้วก็ยังสามารถเอาผิดได้ โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจพิสูจน์ทราบผลเรื่องดีเอ็นเอตรงกับแม่ผู้เสียชีวิตจึงเชื่อได้ว่าศพที่พบคือ น.ส.กลิ่นเกษร



แฟ้มทอง 



 

ข่าวทั้งหมด

X