ความเคลื่อนไหวเมืองไทย12.30น.ประจำวันพุธที่ 18 ธันวาคม 2562

18 ธันวาคม 2562, 14:35น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทย12.30น.ประจำวันพุธที่ 18 ธันวาคม 2562



แล้งหนัก!อ่างเก็บน้ำ2แห่ง'บุรีรัมย์' ผลิตประปาได้อีกไม่ถึง100วัน



         สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก และอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบที่ใช้ผลิตประปาหล่อเลี้ยงประชาชน และเขตเศรษฐกิจสำคัญของตัวเมืองบุรีรัมย์ อยู่ในขั้นวิกฤติ จากข้อมูลพบว่า ปัจจุบันอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก เหลือน้ำเพียงกว่า 2.2 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) จากปริมาณความจุอ่างกว่า 26 ล้าน ลบ.ม. ส่วนอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด เหลือน้ำกักเก็บกว่า 805,000 ลบ.ม. จากปริมาณความจุอ่าง 27 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งหากรวมปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากและอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด ปัจจุบันคงเหลือ 3.098 ล้าน ลบ.ม. อัตราการใช้น้ำดิบเฉลี่ยประมาณ 32,000 ลบ.ม./วัน ซึ่งคาดการณ์ใช้น้ำได้ประมาณ 96 วัน เนื่องจากโครงการชลประทานบุรีรัมย์ โดยโครงการสูบน้ำลำปลายมาศ ได้หยุดสูบน้ำมาเติมในอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากแล้ว ตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค.2562 จากสถานการณ์ดังกล่าวทางชลประทาน จึงติดประกาศรอบพื้นที่อ่าง ขอความร่วมมือเกษตรกรให้งดสูบน้ำในอ่าง เนื่องจากปริมาณน้ำดิบไม่เพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค



          ขณะที่การประปาส่วนภูมิภาค สาขาบุรีรัมย์ ได้ออกประกาศแจ้งผู้ใช้น้ำรับทราบ เรื่องลดการจ่ายน้ำเนื่องจากปริมาณน้ำในห้วยจระเข้มากและห้วยตลาดเหลือน้อย ด้วยเช่นกัน ประกาศระบุว่า “จังหวัดบุรีรัมย์ ประสบปัญหาภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง เป็นระยะนาน ในปี 2562 ทำให้ปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก และอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบที่ใช้ผลิตประปา ของการประปาส่วนภูมิภาคสาขาบุรีรัมย์ มีปริมาณคงเหลือน้อย



          ขอให้ประชาชนทุกครัวเรือนจัดเตรียมภาชนะสำรองน้ำเก็บไว้ใช้ และขอให้ช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อให้มีน้ำประปาอุปโภคบริโภคได้นานยิ่งขึ้น จนกว่าปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 2 แห่งจะเป็นปกติ หรือภาวะฝนทิ้งช่วงจะสิ้นสุดลง หรือได้แหล่งน้ำอื่นมาช่วยเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน



ผลไม้ไทยเนื้อหอม เอฟทีเอช่วยดันส่งออกเติบโตก้าวกระโดด 10 เดือนแรกปี 62 พุ่งแตะ 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นแท่นผู้ส่งออกผลไม้เบอร์ 6 โลก  



           นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ติดตามผลการส่งออกผลไม้ของไทยไปตลาดโลก พบว่าท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวส่งผลให้การส่งออกสินค้าในภาพรวมของทั่วโลกหดตัวนั้น  สินค้าผลไม้ของไทยยังคงครองความนิยมมียอดการส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง สาเหตุหนึ่งมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคปัจจุบันหันมาบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น ประกอบกับผลไม้ไทยได้รับสิทธิประโยชน์ภายใต้เอฟทีเอช่วยลดและยกเลิกภาษีนำเข้าประเทศคู่ค้า ทำให้ผลไม้ไทยได้แต้มต่อและมีโอกาสแข่งขันมากขึ้น 



           สำหรับเอฟทีเอที่ไทยมีอยู่ในปัจจุบันมีผลให้ 6 ประเทศ ได้แก่ จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู และฮ่องกง ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรนำเข้าผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งและผลไม้แห้งของไทยทุกรายการ ส่วนคู่เอฟทีเอที่เหลือ อาทิ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย และมาเลเซีย ต่างทยอยลดเลิกภาษีนำเข้าผลไม้ส่วนใหญ่แล้วเช่นกัน คงเหลือการเก็บภาษีเพียงบางรายการเท่านั้น  ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2562 (ม.ค.-ต.ค.) ส่งผลให้ไทยขยับอันดับจากประเทศผู้ส่งออกผลไม้จากอันดับ 10 ของโลกในปี 2561 เป็นผู้ส่งออกผลไม้อันดับ 6 ของโลก รองจากสเปน เนเธอร์แลนด์ เม็กซิโก สหรัฐอเมริกา และชิลี มีมูลค่าการส่งออกผลไม้สู่ตลาดโลกพุ่งสูงถึง 3,213 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปี 2561 ถึงร้อยละ 41 มีตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ อาเซียน และจีน รวมมูลค่าการส่งออกผลไม้ไทยไปอาเซียนและจีนมีมูลค่าสูงถึง 2,690 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 84 ของการส่งออกผลไม้ไทยไปตลาดโลก  ผลไม้ไทยที่กำลังเนื้อหอม คือ กลุ่มผลไม้เมืองร้อน เช่น ทุเรียน มังคุด ลำไย ซึ่งไทยครองความเป็นผู้นำการส่งออกอันดับหนึ่งของโลกอีกด้วย



รวบแล้วคนโพสต์ภาพไม่เหมาะสมในที่ชุมนุมแฟลชม็อบ



           จากการโพสต์ภาพอันมิบังควร ในการชุมนุมแฟลชม็อบเมื่อวันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม ล่าสุดนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า ได้เก็บหลักฐานทางสื่อออนไลน์ต่างๆ จนล่าสุดตอนนี้ตำรวจได้จับกุมตัวผู้กระทำผิดแล้ว แต่ยังไม่สามารถเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และจะมีผลต่อรูปคดี ซึ่งถ้าแถลงข่าวได้เมื่อใด จะรีบแจ้งทันที



เสรีพิสุทธ์ เตือนขับสส.ออกจากพรรค ฝ่ายค้านเสียงปริ่มน้ำ



          พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า กรณีพรรคอนาคตใหม่ขับ 4 ส.ส.ออกจากพรรค จะทำให้ไปเพิ่มเสียงให้ฝ่ายรัฐบาล  ฝ่ายค้านก็จะเสียไปเต็ม ๆ เสียงปริ่มน้ำก็จะกลายเป็นไม่ปริ่มน้ำ หากฝ่ายค้านขับออกไปอีก 5-6 คน ก็จะทำให้ฝ่ายค้านแพ้ได้ ทั้งนี้เห็นว่าต้องพยายามชั่งใจมองยุทธศาสตร์ภาพรวม ซึ่งได้เสนอพรรคเพื่อไทยไปแล้วว่าให้ใจเย็น ๆ อย่าเพิ่งขับ ส.ส.ที่โหวตสวนมติออก ส่วนอนาคตใหม่ ก็เคยแนะนำว่าอย่าเพิ่งขับออก เพราะถ้าผลักไป จะไปอยู่ฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายค้านจะยิ่งแพ้        



          พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวอีกว่า จะไม่ร่วมกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” แม้จะถูกเชิญเข้าร่วม เพราะอยู่ในสภาฯ ต้องการสู้ในสภาฯ แม้เสียงจะน้อยกว่า ทั้งนี้เห็นว่ารัฐบาลอย่าไปคิดอะไรมาก วางใจเป็นกลางเฉย ๆ ก็หมดเรื่อง



จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 2 ลุ้นรับรางวัลรวม 12 ล้านบาท-ร้านค้าลุ้นทองคำ ดีเดย์ 20 ธ.ค.นี้



          นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า มาตรการ “ชิมช้อปใช้” ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในการส่งเสริมให้ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการบริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะการใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 2 ซึ่งจากกระแสตอบรับดังกล่าว ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) จึงได้จัดของสมนาคุณเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยผ่าน g-Wallet ช่อง 2 อย่างต่อเนื่อง



          โดยประชาชนผู้ได้รับสิทธิ์ทั้ง 3 เฟส สามารถใช้สิทธิ์ภายใต้มาตรการได้จนถึงวันที่ 31 ม.ค.63 จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 2 ซึ่งนอกจากจะมีสิทธิได้รับเงินคืนสูงสุดถึงร้อยละ 20 แล้วยังมีสิทธิ์ลุ้นรับของสมนาคุณต่างๆ มูลค่ารวม 12 ล้านบาท โดยประชาชนที่ใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 2 สำหรับยอดสะสมทุกๆ 1,000 บาทจะได้รับ 1 สิทธิ์ในการลุ้นรับของสมนาคุณกว่า 500 รายการอีกทั้งสำหรับยอดสะสมผ่าน g-Wallet ช่อง 2 ตลอดมาตรการ จะมีสิทธิ์ลุ้นรับของสมนาคุณชิ้นใหญ่เพิ่มเติมได้แก่ รถยนต์ และรถกระบะ



          นอกจากนี้สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมมาตรการทุกๆ 1 ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่มีมูลค่าการชำระเงิน 100 บาทขึ้นไปจะได้รับ 1 สิทธิ์ ในการลุ้นรับทองคำกว่า 100 รายการ โดยสามารถลุ้นรับของสมนาคุณรวม 6 ครั้ง ในวันที่ 20 ธ.ค.62,วันศุกร์ที่ 3,10,17 และ 24 ม.ค.63 และวันจันทร์ที่ 3 ก.พ.63 ทั้งนี้ในการลุ้นรับของสมนาคุณครั้งแรกในวันศุกร์ที่ 20 ธ.ค.62 ที่กระทรวงการคลังจะประกอบด้วยรถกระบะ Toyota Hilux Revo 1 คัน รถจักรยานยนต์ Honda New PCX150 4 คัน โทรทัศน์ดิจิทัล Samsung TV55 8 เครื่อง และทองคำ 156 แท่ง รวมของสมนาคุณทั้งสิ้น 169 รายการ          สำหรับความคืบหน้าการดำเนินมาตรการชิมช้อปใช้เห็นผลสำเร็จในการใช้จ่ายของประชาชนที่สูงขึ้นอย่างมาก โดยภาพรวมการใช้จ่ายของประชาชนตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย.-17 ธ.ค.62 มีผู้ใช้สิทธิ์รวม 3 เฟสจำนวน 11,794,825 ราย มีการใช้จ่ายรวมประมาณ 24,788 ล้านบาท โดยเป็นการใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 1 ประมาณ 11,637 ล้านบาท และ g-Wallet ช่อง 2 ประมาณ 13,151 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่า การใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 2 ที่เป็นการเติมเงินของประชาชนเองมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และขณะนี้มีมูลค่าสูงกว่ายอดใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 1 แล้ว สะท้อนความนิยมของประชาชนต่อมาตรการชิมช้อปใช้



          ขณะที่การจ่ายเงินคืน (cash back) จากการใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 2 นั้น กระทรวงการคลังได้มีการจ่ายเงินคืนครั้งแรกแล้ว เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.62 จำนวน 153,579 ราย รวมเป็นเงินประมาณ 384 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 2 ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ย.-30 พ.ย.62



         โฆษกกระทรวงการคลังย้ำว่า สำหรับผู้ที่เคยถูกตัดสิทธิ์จากการไม่เริ่มใช้สิทธิ์ตามมาตรการภายใน 14 วัน ได้มีการคืนสิทธิ์การใช้จ่ายผ่าน g-Wallet ช่อง 2 โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ซึ่งสามารถใช้สิทธิ์ได้จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2563 สำหรับผู้ที่เคยผ่านการยืนยันตัวตนจากการกรอกข้อมูลส่วนบุคคลและถ่ายรูปเปรียบเทียบใบหน้าในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” แล้ว สามารถใส่หมายเลข PIN เดิม เพื่อใช้งานแอปพลิเคชันและรับสิทธิ์ได้ทันที ส่วนผู้ที่ไม่เคยเข้ายืนยันตัวตน ขอให้ดำเนินการยืนยันตัวตนตามขั้นตอนในแอปพลิเคชันเพื่อรับสิทธิ์ดังกล่าว



 

ข่าวทั้งหมด

X