ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30น. วันพุธ 18 ธันวาคม 2562

18 ธันวาคม 2562, 07:24น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30น. วันพุธ 18 ธันวาคม 2562



นายกฯขอประหยัดน้ำ รับมือภัยแล้ง



พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงการรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้งว่า ในพื้นที่นอกเขตชลประทานคงไม่มีน้ำเพียงพอสำหรับทำนาปรัง เพราะจะต้องเตรียมน้ำไว้สำหรับการอุปโภคบริโภค จึงขอให้ทุกคนเข้าใจว่าต้องมองปัญหาทั้งหมด พร้อมขอความร่วมมือสำหรับการใช้น้ำของทุกภาคส่วน พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานมองหาแนวทางการใช้น้ำให้มีความคุ้มค่ามากที่สุดเช่นในภาคการเกษตรที่บางประเทศมีปริมาณการใช้น้ำน้อยกว่าประเทศไทยมาก

ขณะนี้รัฐบาลได้เตรียมการนำน้ำบาดาลมาใช้ในกรณีที่น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคขาดแคลน ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนได้พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ทั้งในส่วนของผู้ใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและน้ำเพื่อการเกษตร



สอบปล่อยข่าวเฟคนิวส์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย



           กรณีน.ส.เกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ ระบุ คณะรัฐมนตรีให้ขึ้นภาษีผ้าอนามัยร้อยละ 40 และไม่มีการควบคุมราคา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวว่า ใครเสนอข่าวปลอมหรือเฟคนิวส์ออกมาถ้ามีผลกระทบมาก ๆ ต้องถูกดำเนินคดี เพราะอยู่ดี ๆ ก็อุปโลกน์ขึ้นมาได้อย่างไรข่าวแบบนี้



          ด้าน นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)  กล่าวว่า ช่วงนี้มีข่าวปลอมออกมาเป็นจำนวนมาก  อาทิ  ข่าวที่ว่าจะปรับขึ้นภาษีผ้าอนามัย ข่าวรัฐบาลเตรียมจะประกาศพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านการบังคับใช้กฎหมายจะนำไปดำเนินคดีกับผู้ที่ปล่อยข่าวอย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือบุคคลใดก็ตาม โดยคาดว่าเร็ว ๆ นี้จะมีการขอหมายศาลออกหมายเรียกหรือหมายจับผู้กระทำผิดต่อไป



          ส่วนกรณีน.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส. บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่ นำภาพการ์ดข้อความคำขวัญวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2563 จากนายกฯไปตัดต่อเพิ่มถ้อยคำเอาไปโพสต์ในโซเชียลมีเดีย นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า นิติกรสำนักนายกฯไปแจ้งกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และกระทรวงดีอีเอส ให้ดำเนินคดีกับ น.ส. พรรณิการ์แล้วเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. เนื่องจาก เป็นคนแรกที่นำข้อความดังกล่าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์



          นายชัยยุทธ คำคุณ โฆษกกรมศุลกากร กล่าวว่า กรมศุลกากรยืนยันไม่จัดเก็บภาษีนำเข้าผ้าอนามัยเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย  เนื่องจากตระหนักว่าเป็นของใช้จำเป็นในการดำรงชีวิตของผู้หญิงที่ต้องใช้เป็นประจำและไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย โดยปัจจุบันกรมฯกำหนดพิกัดให้ผ้าอนามัยเป็นสินค้านำเข้าปกติทั่วไปที่ต้องเสียภาษีประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นอัตราไม่สูงเมื่อเทียบกับสินค้านำเข้าประเภทอื่น



          วันเดียวกัน น.ส.เกศปรียา แถลงผ่านไลน์กลุ่มผู้สื่อข่าวพรรคเพื่อชาติ กรณีที่ระบุ ครม.ให้ขึ้นภาษีผ้าอนามัยร้อยละ 40 และไม่มีการควบคุมราคา ว่า ตนดูเอกสารจากเว็ปสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร ซึ่งสรุปมติครม.วันที่ 17 เม.ย.2561 หมวดกฎหมายข้อ 4 ระบุว่า ...ร่างกฎกระทรวงกำหนดผ้าอนามัยชนิดสอดเป็นเครื่องสำอาง พ.ศ.....เรื่องนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เคยชี้แจงถึงประเด็นการออกร่างกฎกระทรวงสาธารณสุขกำหนดผ้าอนามัยชนิดสอดเป็นเครื่องสำอางว่า ผ้าอนามัย ทั้งชนิดที่ใช้ภายนอกและชนิดสอด จัดเป็นเครื่องสำอางตั้งแต่ปี 2528 นับตั้งแต่ มี พ.ร.บ. เครื่องสำอาง พ.ศ. 2517 และ พ.ศ. 2535 เพราะเข้าได้กับนิยามเครื่องสำอาง คือ วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับใช้ทา ถู นวด โรย พ่น หยอด ใส่ อบ หรือกระทำด้วยวิธีอื่นใดต่อส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายเพื่อความสะอาด ความสวยงาม หรือส่งเสริมให้เกิดความสวยงามและรวมตลอดทั้งเครื่องประทินผิวต่างๆ ด้วย โดยไม่รวมถึงเครื่องประดับและเครื่องแต่งตัว ซึ่งเป็นอุปกรณ์ภายนอกร่างกาย



           ส่วนสาเหตุที่ต้องออกเป็นกฎกระทรวงกำหนดให้ผ้าอนามัยชนิดสอดเป็นเครื่องสำอางโดยเฉพาะ เนื่องจากเมื่อครั้งออก พ.ร.บ. เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558 มีการแก้ไขนิยามของคำว่า “เครื่องสำอาง” ใหม่ คือ วัตถุที่มุ่งหมายสำหรับใช้ทา ถู นวด โรย พ่น หยอด ใส่ อบ หรือกระทำด้วย วิธีอื่นใดกับส่วนภายนอกของร่างกายมนุษย์ และให้หมายความรวมถึงการใช้กับฟันและเยื่อบุในช่องปาก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อความสะอาด ความสวยงาม หรือเปลี่ยนแปลง ลักษณะที่ปรากฏหรือระงับกลิ่นกาย หรือปกป้องดูแลส่วนต่างๆ ให้อยู่ในสภาพดี และรวมตลอดทั้งเครื่องประทินต่างๆ สำหรับผิว แต่ไม่รวมเครื่องประดับและเครื่องแต่งตัว จึงทำให้ “ผ้าอนามัยชนิดสอด” หลุดจากคำนิยามของเครื่องสำอาง เพราะนิยามกำหนดชัดว่า เป็นการใช้ภายนอกร่างกายมนุษย์ แต่ผ้าอนามัยชนิดสอดเป็นการใช้ภายในร่างกายมนุษย์ จึงต้องมีการออกกฎกระทรวงเพื่อให้กลับมาครอบคลุมอีกครั้ง



           แม้ตัวผ้าอนามัยชนิดสอดจะหลุดจากคำนิยามตามกฎหมายของเครื่องสำอาง ตั้งแต่ปี 2558 แต่ในทางปฏิบัติ การขอจดแจ้งก็ยังเป็นเครื่องสำอางอยู่ ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ก็ต้องออกกฎกระทรวงเพื่อให้เข้าได้กับนิยามตามกฎหมาย และแม้ผ้าอนามัยชนิดธรรมดา จะเป็นเครื่องสำอาง แต่ก็เป็นสินค้าควบคุมตามประกาศด้วย จึงไม่ใช่สินค้าฟุ่มเฟือย และส่วนผ้าอนามัยชนิดสอด ที่เป็นเครื่องสำอางเช่นกัน กรมสรรพสามิตระบุว่า ไม่เคยจัดเก็บภาษีเครื่องสำอางเลย



อัยการเตรียมเสนอเพิ่มโทษ สมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่อง



           นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงข่าวกรณีนายสมคิด พุ่มพวง ฉายา “เดอะริปเปอร์” ฆาตกรต่อเนื่อง เพิ่งพ้นโทษออกมา เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2562 ก่อเหตุฆ่า นางรัศมี มุลิจันทร์ หรือฝ้าย อายุ 51 ปี แม่บ้านโรงแรมแห่งหนึ่งที่ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น สภาพศพท่อนล่างเปลือย บริเวณลำคอถูกพันด้วยเทปใส เมื่อกลางดึกวันที่ 15 ธ.ค. จากการตรวจสอบพบว่า เคยก่อเหตุฆ่าเหยื่อมา 5 คดี ซึ่งอัยการได้ยื่นฟ้องต่อศาลให้ลงโทษแล้วคดีทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อปี 2548 ซึ่งผลการพิจารณาคดี ปรากฏว่าศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิต แต่เนื่องจากนายสมคิดให้การรับสารภาพตั้งแต่ชั้นสอบสวนและในชั้นพิจารณา เป็นประโยชน์ จึงลดโทษให้เหลือจำคุกตลอดชีวิตทั้ง 5 คดี จึงเป็นประเด็นข้อกฎหมายที่ว่า เมื่อศาลมีคำพิพากษาประหารชีวิตแล้ว คงสามารถประหารชีวิตได้เพียงครั้งเดียว แล้วสุดท้ายเมื่อศาลลดโทษให้เหลือจำคุกตลอดชีวิตทั้ง 5 คดี ปรากฏว่าโทษจำคุกตลอดชีวิตนั้นตามกฎหมาย เท่ากับจำคุก 50 ปี เป็นโทษสูงสุด โดยเริ่มนับโทษตั้งแต่วันที่นายสมคิดถูกจำคุกครั้งแรก คือวันที่ 29 มิ.ย. 2548 และก็ได้รับการลดหย่อนโทษในระเบียบขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ กระทั่งถูกปล่อยตัวไปเมื่อช่วงเดือน พ.ค. 2562 กระทั่งกลับไปก่อเหตุซ้ำอีกตามที่เป็นข่าว



           ส่วนที่นายสมคิดก่อเหตุขึ้นใหม่อีกนั้นทางอัยการจะมีขั้นตอนแนวทางเพื่อให้ความมั่นใจกับสังคมและประชาชน โดยในการพิจารณายื่นฟ้องคดีอัยการจะต้องดูประวัติการกระทำผิด และพฤติการณ์ เพื่อบรรยายในคำฟ้อง รวมถึงนำสืบให้ศาลเห็นพฤติการณ์ของจำเลย หากจะต้องมีการดำเนินการฟ้องขอให้ลงโทษเด็ดขาดรุนแรง อัยการก็จะทำหน้าที่ตรงนั้นอย่างสุดความสามารถ เพราะพฤติกรรมการกระทำผิดในลักษณะฆาตกรต่อเนื่องถือว่าเป็นภัยอันตรายต่อสังคม ตามกฎหมายแล้วหากมีการกระทำผิดภายในระยะเวลา 5 ปีหลังพ้นโทษ อัยการสามารถฟ้องขอให้ศาลเพิ่มโทษ 1 ใน 3 ได้ แต่หากเป็นข้อเท็จจริงว่าคดีใหม่นี้เป็นคดีฆ่าโดยไตร่ตรองหรือฆ่าชิงทรัพย์ โทษสูงสุดจะประหารชีวิต ก็จะไม่สามารถเพิ่มโทษได้อีก



           เมื่อถามว่าหากนายสมคิด พุ่มพวง จำเลยรับสารภาพ อัยการจะยื่นฟ้องขอให้ศาลลงโทษสถานหนัก โดยไม่มีการลดโทษได้หรือไม่ นายประยุทธกล่าวว่า ไม่สามารถก้าวล่วงดุลพินิจลงโทษของศาลได้ แต่ก็มีหลักกฎหมายอยู่ว่า ถ้าการรับสารภาพของจำเลยหรือผู้ต้องหาไม่ว่าจะเป็นชั้นสอบสวน หรือชั้นพิจารณา เป็นประโยชน์ ศาลก็จะลดโทษให้ แต่ก็มีกฎหมายอีกจุดหนึ่ง เชื่อว่า อัยการก็จะต้องพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าการที่จำเลยรับสารภาพนั้นไม่ใช่การสำนึกผิด แต่เป็นเพราะจำนนต่อหลักฐาน และการกระทำที่ฆาตกรรมต่อเนื่องมา 5 คดี ไม่ได้ทำให้เข็ดหลาบ ถ้าเรานำสืบให้ศาลเห็นว่ารับสารภาพเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน ศาลก็จะไม่ยกประโยชน์ แต่ทั้งนี้ต้องดูข้อเท็จจริงในสำนวนคดีด้วย



ศาลนัดสอบปากคำให้การ แก๊งปาร์ตี้ 'ลัลลาเบล'เสียชีวิต



          พนักงานอัยการคดีอาญาธนบุรี 2 ยื่นฟ้อง นายรัชเดช หรือน้ำอุ่น วงศ์ทะบุตร อายุ 26 ปี อาชีพพริตตี้บอย ภูมิลำเนาเอกชัย-บางบอน กทม. และแก็งปาร์ตี้ รวม 6 คน ใน 4 ข้อหา ฐานเป็นซ่องโจร, พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรมหรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการใดๆ, กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี  โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2562



          ศาลได้ประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.1204/2562 และให้เบิกตัวนายรัชเดช หรือน้ำอุ่น จำเลยที่ 1 ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนพิเศษธนบุรีมาเพื่อสอบคำให้การในวันที่ 18 ธันวาคม ส่วนจำเลยที่ 2-6 ซึ่งได้รับการประกันตัวในชั้นฝากขังคนละ 1.5 แสนบาท ศาลมีหมายแจ้งนัดให้มาสอบคำให้การจำเลยในวันเดียวกันด้วย 



กรมอนามัยแนะอยากเล็บสวยสุขภาพดี เสริมสวย เล็บมือ-เท้า เลือกร้านที่สะอาดปลอดภัย        



            พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การเข้าไปใช้บริการทำเล็บในร้านเสริมสวย ผู้ใช้บริการควรเลือกร้านที่เน้นความสะอาดปลอดภัยก่อนทำทุกครั้งที่ทำ และไม่ควรให้ช่างทำเล็บแซะที่ขอบเล็บ เพราะจะทำให้เกิดแผลอักเสบเป็นหนองและลุกลามถึงข้อกระดูกได้ ซึ่งการทำความสะอาดเครื่องมือเครื่องใช้ของร้านเสริมสวยเป็นสิ่งสำคัญที่ร้านเสริมสวยต้องใส่ใจ เพื่อป้องกันเชื้อโรค ไม่ให้แพร่กระจายไปสู่ผู้ใช้บริการ



          จากข้อมูลที่เคยมีการสำรวจเมื่อปี 2557 ของสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) พบว่าสถานประกอบกิจการไม่ผ่านการประเมินและต้องปรับปรุงคือ พื้น ผนังชำรุดและมีคราบสกปรก อ่างสระผมและเตียงมีคราบสกปรกหรือชำรุด อุปกรณ์และเครื่องมือ เช่น ผ้าคลุมสระผม หวี กรรไกร แปรงม้วนผม ที่แคะเล็บ ตะไบเล็บไม่สะอาด ไม่มีการทำความสะอาดหลังการใช้งานประจำวัน ไม่ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรค พบการปนเปื้อนเชื้อรา 81 ตัวอย่าง แม้จะเป็นเชื้อราที่ไม่ก่อให้เกิดโรค แต่หากผู้รับบริการมีสุขภาพที่อ่อนแอ อาจทำให้เกิดโรคได้ 

ข่าวทั้งหมด

X