ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ในวันพรุ่งนี้ ที่ประชุมจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.25 เท่าเดิม เพื่อรอประเมินทิศทางเศรษฐกิจไทย หลังที่ผ่านมารัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายอย่างที่น่าจะช่วยทำให้เศรษฐกิจไทยช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ขยายตัวได้ไม่น้อยกว่าไตรมาสที่ 3 พร้อมคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) อัตราเงินเฟ้อ และตัวเลขการส่งออก จะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจของกนง.ในเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป โดยเฉพาะช่วงสองไตรมาสปีหน้า
ส่วนเรื่องที่จีนและสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงทางการค้ากันได้ในเฟสแรกจะช่วยลดความเสี่ยงสงครามการค้าของทั้งคู่และช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในระยะสั้นไปได้บ้าง ส่วนที่พรรคอนุรักษ์นิยมที่สนับสนุนให้สหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป(อียู) ชนะการเลือกตั้งน่าจะช่วยลดความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยูโรโซนได้ ภาพรวมถือว่าปัจจัยเสี่ยงด้านต่างประเทศที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดีขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงในไทยที่ต้องติดตาม คือ สถานการณ์การเมืองในประเทศ และร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 รวมถึงการเบิกจ่ายงบประมาณ มองว่าเศรษฐกิจไทยปีหน้ายังต้องพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากภาครัฐเป็นหลักเพื่อประคองให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวไม่ต่ำกว่าปีนี้ พร้อมชี้ว่าปัจจัยเสี่ยงการส่งออกยังต้องติดตามใกล้ชิด เนื่องจากค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องประกอบกับสงครามการค้ามีโอกาสขยายตัว ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์จะเป็นประเด็นให้กนง.ผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม
แฟ้มภาพ