การลงพื้นที่ติดตามโครงการพัฒนาสถานศึกษาเพื่อความปลอดภัยทางถนนของจังหวัดอุบลราชธานีวันนี้ตามแผนงานสนับสนุนการดำเนินงานป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด หรือ สอจร. และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. มาที่โรงเรียนเทศบาล4 อนุบาลพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ซึ่งเป็นจุดที่ติดกับตลาดสดและถนนเชื่อมเส้นทางสายหลัก มีการสัญจรไปมาคับคั่ง ส่วนใหญ่ผู้ปกครองใช้รถจักรยานยนต์ในการรับ-ส่งนักเรียน ซึ่งในช่วงก่อนที่ศูนย์จะเข้าร่วมในโครงการพบว่า ผู้ปกครองสวมหมวกนิรภัยเพียงร้อยละ 5 เท่านั้น แต่หลังจากเข้าร่วมโครงการทั้งผู้ปกครองและนักเรียนจะสวมหมวกนิรภัยกันทุกคน ส่วนที่ด้านหน้าของโรงเรียนก็มีการกำจัดจุดเสี่ยง ทาสี ตีเส้นทางม้าลาย ป้ายจราจรให้ชัดเจนมีความปลอดภัยมากขึ้น นางสุดาวอน จันทร์บัวรี พร้อมลูกสาว น้องไข่มุก นักเรียนเตรียมอนุบาล เดินทางมาด้วยรถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยทั้งแม่และลูก นางสุดาวอน บอกว่า เวลาออกจากบ้านจะสวมหมวกนิรภัยให้ลูกสาวทุกครั้ง เพราะเคยเจอเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตจากการไม่สวมหมวกนิรภัย จึงรู้สึกกลัว ทำให้มองถึงความปลอดภัยไว้ก่อน อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา หากสวมหมวกนิรภัยจะสามารถลดการบาดเจ็บของศีรษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญได้ ส่วนราคาของหมวกนิรภัยจะมีตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป ส่วนตัวมองว่าไม่แพงเกินไป หากเทียบกับชีวิตของลูก
สำหรับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ได้รับรางวัลการผลิตสื่อนวัตกรรมสำหรับการเรียนการสอนระดับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก นางพิณผกา แก่นอาษา หัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ บอกว่า ที่นี่จะใช้เศษวัสดุเหลือใช้ เช่น กล่องลังนม ซีดี มาทำสื่อการเรียนการสอน ทั้งเครื่องหมายจราจร สัญญาณไฟจราจร ทำให้เด็กเข้าใจ สนใจและสนุกกับสิ่งที่จำลองขึ้นมา ทำให้มีเสียงสะท้อนจากผู้ปกครองกลับมาว่า ลูกหลานกลับบ้านไปเล่าให้ฟังและห้ามปรามเวลาผู้ปกครองไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร เมื่อเด็กจบหลักสูตรจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กไปแล้ว เราก็จะส่งต่อให้โรงเรียนเทศบาล4 อนุบาลพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ซึ่งอยู่ติดกัน และปัจจุบัน มีการจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนเรื่องนี้แล้วเช่นกัน
ด้านนางกัญญาภัค เสดพันธ์ ครูชำนาญการโรงเรียนเทศบาล4 อนุบาลพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ระบุว่า รับไม้ต่อจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ซึ่งสื่อการเรียนการสอนจะยากกว่า มีการจัดกิจกรรมร้องเพลง ระบายสี และสอดแทรกเนื้อหาเข้าไปในรายวิชา นอกจากนี้ยังพาเด็กออกนอกโรงเรียน เช่น พาเดินไปโรงพักใกล้เคียง เพื่อดูซากรถที่เสียหายจากอุบัติเหตุ เพื่อให้เด็กได้เห็นของจริงและตระหนักถึงความปลอดภัยของตนเองมากขึ้น
ด้านนายประชา กิจตรงศิริ รองนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี ยอมรับว่าในช่วงแรกหนักใจว่าโครงการจะไม่สำเร็จ แต่เมื่อได้ทำจริงๆกลับพบว่า ผู้ปกครองและชุมชนให้ความร่วมมือ ครูเห็นความสำคัญพัฒนาให้เกิดเป็นหลักสูตร รวมถึงใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้เรามุ่งเน้นเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ใหญ่ แต่ไม่ค่อยเห็นผล จึงหันมาเริ่มที่ตัวเด็กปลูกฝังให้เกิดความเคยชิน เมื่อโตมาจะได้มีวินัยจราจรในสังคม ถือเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ จึงอยากให้สานต่อความร่วมมืออย่างต่อเนื่องทุกปีและขยายไปในพื้นที่อื่นๆด้วย
....
#สสส #สอจร #ทวงคืนทางม้าลาย