ม.หอการค้าไทย เปิดดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ก.พ.67 พุ่งสูงสุดในรอบ 48 เดือน

07 มีนาคม 2567, 15:25น.


          ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนก.พ. 67 อยู่ที่ระดับ 63.8 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7, ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 48 เดือนนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 63



          ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม อยู่ที่ 57.7 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำ อยู่ที่ 60.4 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 73.2 ซึ่งดัชนีทุกตัวปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 เช่นกัน



          นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนก.พ. ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นหลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาล และรัฐบาลจัดทำนโยบายลดค่าครองชีพโดยลดค่าไฟฟ้า และค่าน้ำมัน ตลอดจนมีนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ นอกจากนี้ ผู้บริโภคเห็นว่าการเมืองไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้นทุกรายการ



          อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามในตะวันออกกลางที่อาจยืดเยื้อบานปลาย อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งส่งผลลบต่อการส่งออกของไทย และอาจมีผลกระทบในเชิงลบต่อกำลังซื้อของประชาชนในทุกภูมิภาคในอนาคต



          การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้า ค่าครองชีพสูง และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในประเทศไทยและทั่วโลก ตลอดจนสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน กับอิสราเอลกับฮามาสในฉนวนกาซาอาจยืดเยื้อ ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาในเชิงลบต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต โดยยังคงมีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้



           ปัจจัยลบ คือ ทุกคนเริ่มรับรู้จากการที่สภาพัฒน์ออกมายืนยันว่า เศรษฐกิจไทยจะโตแค่ 2.7% รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ที่ออกมาบอกว่าเศรษฐกิจไทยจะโต 2.7-2.8% ซึ่งทำให้ความเชื่อมั่นภาคประชาชนและธุรกิจหดหายลง เป็นตัวบั่นทอนความเชื่อมั่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยพูดว่าเป็นปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน แสดงว่าเป็นการเยียวยาที่ไม่ง่ายในระยะสั้น การฟื้นตัวในอนาคตจึงไม่สดใสแต่ไม่ได้ทรุดตัวลง นิ่งอยู่กับที่เพื่อรอสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ



          การปรับตัวของความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวแบบอ่อนๆ เพราะความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการจ้างงานฟื้นตัวน้อย อย่างไรก็ดี ความหวังว่าเศรษฐกิจไทยมีโอกาสที่จะพลิกฟื้นในไตรมาส 2/67 คือดัชนีการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีสุดในรอบ 164 เดือน แสดงให้เห็นว่าคนไทยพร้อมเที่ยว และบรรยากาศการท่องเที่ยวคึกคัก โดดเด่น



          ดังนั้น การส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทย ทั้งเทศกาลมหาสงกรานต์ 21 วัน หรือเทศกาลต่างๆ ในวันหยุดยาว จะหนุนภาวะเศรษฐกิจในภาคบริการ ซึ่งเป็นสัญญาณบวกของเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจเกี่ยวกับการซื้อบ้าน และรถยนต์ยังดีต่อเนื่อง เป็นสัญญาณของความพร้อมในการจับจ่ายใช้สอยที่บวกขึ้นตามลำดับ



          เชื่อว่าในไตรมาส 1/67 เศรษฐกิจน่าจะโต 2% และเม.ย. 67 ที่จะมีสงกรานต์ และงบประมาณ จะทำให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/67 โตได้ 2.5-3% ดังนั้น หอการค้าไทยจะมีการปรับประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจในวันที่ 19 มี.ค. นี้ โดยตอนนี้ประเมินไว้ที่ 3.2% รอดูสถานการณ์อีกครั้ง



 



 



 



#ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค



#มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย 

ข่าวทั้งหมด

X