กระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่า สหรัฐฯ คือ "ภัยคุกคามนิวเคลียร์" อันดับต้น ๆ ของโลก และมีความพยายามรักษาอำนาจทางทหารเหนือประเทศอื่น ๆ
โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา นางอลิซาเบธ เชอร์วู๊ด-แรนดัลล์ ที่ปรึกษากระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน แสดงความเห็นว่า สหรัฐฯ ต้องมีการทำงานเพื่อลดภัยคุกคามนิวเคลียร์จากจีน ซึ่งนางเหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า การที่สหรัฐฯชี้ว่า จีนคือภัยคุกคามนิวเคลียร์ คือข้ออ้างที่มีความสะดวกสำหรับสหรัฐฯ ในการขยายคลังอาวุธนิวเคลียร์ของตนเองและรักษาความเป็นมหาอำนาจทางทหาร พร้อมยืนยันว่าจีนยังคงรักษานโยบายนิวเคลียร์ที่มีความรอบคอบและมีความรับผิดชอบ ซึ่งตรงข้ามกับสหรัฐฯอย่างสิ้นเชิง จีนมีการปฏิบัติตามข้อผูกพันอย่างเคร่งครัดในการไม่แพร่กระจายนิวเคลียร์และมีความสมดุลในการรักษาความปลอดภัยนิวเคลียร์ มุ่งมั่นที่จะใช้พลังงานนิวเคลียร์อย่างสันติและช่วยให้โลกได้รับประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ให้มากที่สุด
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า จีนมีความเชื่อมั่นในความร่วมมือระหว่างประเทศที่มีความสอดคล้องกับแนวโน้มของสันติภาพและการพัฒนา มากกว่าการสร้างพันธมิตรระดับภูมิภาคที่ “กีดกัน” โดยสหรัฐฯ ได้สร้างกลุ่มเล็กๆ ขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการป้องกันแบบสงครามเย็นและมีความร่วมมือด้านเรือดำน้ำนิวเคลียร์
โดยหลังจากการประชุมของรัฐมนตรีการต่างประเทศในกรุงนิวเดลีเมื่อวันศุกร์ (3 มี.ค.66) กลุ่มพันธมิตรสี่ฝ่าย QUAD ซึ่งประกอบด้วยสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และอินเดีย ออกแถลงการณ์ว่า การใช้หรือขู่ว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ซึ่งแม้ว่าในถ้อยแถลงจะไม่ได้ชี้ไปที่จีนอย่างชัดเจน แต่ที่ผ่านมากลุ่ม QUAD มักกล่าววิพากษ์วิจารณ์จีนว่าเป็นภัยคุกคามในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกหลายครั้ง
สำหรับข้อตกลงไตรภาคี AUKUS ซึ่งรวมถึงสหราชอาณาจักรด้วยนั้นจะถูกเปิดเผยในปลายเดือนนี้ โดยจะเป็นการถ่ายโอนเทคโนโลยีขับเคลื่อนนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ให้กับออสเตรเลีย
...
#พลังงานนิวเคลียร์
#จีน
#สหรัฐ
china-embassy