พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ศอ.ปส.ตร. ร่วมกับ สืบสวนนครบาล แกะรอย จับ นายจีมินซ็อง เกาหลีเก๊ซึ่งแท้จริงเป็นคนสัญชาติไทย ทำศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงใบหน้า Face off ไม่เหลือเค้าโครงเดิม เพื่ออำพรางการติดตามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ก่อนถูกจับตัวได้ก่อวีรกรรม เป็นต้นตอที่สำคัญในการแพร่ระบาดของยาเสพติดชนิด ยาอี หรือ ยาเลิฟ (MDMA) ในพื้นที่ กรุงเทพฯและ ปริมณฑล หลบหนีไร้ร่องรอยมาเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน ล่าสุด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ในฐานะหัวหน้า ศอ.ปส.ตร. ชุดปฏิบัติการที่ 5 ส่งสารวัตรมือดี “แฝงตัว” จนสามารถจับกุมตัวได้ในห้องพักคอนโดชื่อดังย่านเขตบางนา จ.กรุงเทพ สุดท้าย นายจีมินซ็อง รับสารภาพว่ามีคอนเนคชั่นทั่วโลก สั่งจากดาร์กเว็บ โอนจ่ายด้วยบิทคอยน์ แต่ที่เกมเพราะลูกน้องทำผิดแผน
นายจีมินซ็อง ชื่อเดิม นายสหรัฐ สว่างแจ้ง อายุ 25 ปี สัญชาติไทย อยู่บ้านเลขที่ 134/8 ตรอกวัดอัมพวา แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 626/2565 ลงวันที่ 2 ธ.ค.65 โดยกล่าวว่า “ร่วมกันนำเข้ายาเสพติดให้โทษประเภท 1 (MDMA) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (MDMA) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และ ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และ สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”และตรวจยึดของกลางโทรศัพท์ 2 เครื่อง ซึ่งใช้ในการติดต่อสั่งนำเข้ายาเสพติดจากต่างประเทศ และตรวจยึดทรัพย์สินอีกจำนวน 22 รายการ
ชุดวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ พล.ต.อ.ชินภัทร วิเคราะห์สถิติการจับกุมพบว่ามีการแพร่ระบาดหนักของกลุ่มยาเสพติดชนิด ยาอี หรือ ยาเลิฟ (MDMA) ต่อมาได้ประสานงานรวบรวมข้อมูลกับ บก.สส.บช.น. วิเคราะห์แกะรอยจากข้อมูลคดีการจับกุมยาเสพติดในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ จนได้พบเบาะแสแหล่งที่มา จึงให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. นำกำลังชุดสืบสวนลงพื้นที่จนได้เบาะแสว่าแหล่งที่มาของยาเสพติดดังกล่าวคือ “หนุ่มเกาหลี” รูปหล่อรายหนึ่งซึ่งอยู่ในพื้นที่ย่านเขตบางนา กรุงเทพฯ ซึ่งมีพฤติกรรมจะสั่งนำเข้ายาเสพติดชนิด ยาอี หรือ ยาเลิฟ (MDMA) โดยสั่งนำเข้ามาทางพัสดุไปรษณีย์ทางอากาศ จากประเทศแถบทวีปยุโรป โดยทำมาอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง
พล.ต.ต.ธีรเดช สืบสวนจนสามารถยืนยันตัวตนได้ว่า คือ นายจีมินซ็อง ซึ่งแท้จริงเป็นคนสัญชาติไทย แต่จงใจเปลี่ยนชื่อให้เหมือนคนเกาหลี โดยมีชื่อเดิมว่า นายสหรัฐ ยังได้เปลี่ยนแปลงใบหน้าด้วยการศัลยกรรมไปจนกลายเป็นคนละคน ไม่เหลือเค้าโครงเดิม ( Face off )จากการตรวจสอบพบว่า นายจีมินซ็อง เป็นบุคคลตามหมายจับ ซึ่งเคยถูกพนักงานสอบสวน บช.ปส. ออกหมายจับไว้ตามหมายจับศาลอาญาที่ 626/2565 ลงวันที่ 2 ธ.ค. 65 ในคดีที่เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรได้ตรวจพบยาเสพติดยาอี หรือ ยาเลิฟ (MDMA) แบบผลึกสีขาวขุ่น น้ำหนัก 2,575 กรัม และ แบบเม็ดยาจำนวน 290 เม็ด ที่แอบบรรจุมาในพัสดุ “กล่องจิ๊กซอว์” เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 65 ซึ่งมีแผนประทุษกรรมเดียวกัน พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น. ได้ใช้อุบายเสนอตัวผ่านทาง Facebook เพื่อสมัครเป็น “เป็นเด็กส่งของ” ให้กับ นายจีมินซ็อง จนสามารถสืบทราบได้ว่า นายจีมินซ็อง พักอยู่ที่คอนโดหรูแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตบางนา ต่อมาวันที่ 23 ก.พ. 66 เวลา 15.16 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ เข้าตรวจค้นห้องพักในคอนโดชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตบางนา ผลการตรวจค้นได้พบตัว นายจีมินซ็อง อยู่ในห้องพัก จึงได้ทำการจับกุมตัวตามหมายจับ และตรวจยึดของกลางโทรศัพท์ 2 เครื่อง ซึ่งใช้ในการติดต่อสั่งนำเข้ายาเสพติดจากต่างประเทศ และตรวจยึดทรัพย์สินอีก จำนวน 22 รายการ
ในชั้นจับกุม นายจีมินซ็อง ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ตนเองบ้านเดิมอยู่ย่านบางกอกน้อย โดยรับว่าที่ตนเองเปลี่ยนมาเป็นชื่อภาษาเกาหลีเพราะอยากย้ายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากเบื่อหน่ายชีวิตในประเทศไทย ซึ่งตนเองสามารถพูดภาษาเกาหลีได้เพียงเล็กน้อย และยังออกเสียงไม่ได้ และได้ยอมรับว่ามารดาของตนนั้น เคยถูกดำเนินคดีจำหน่ายยาเสพติดชนิด "ยาเสียสาว" จำนวนกว่า 200,000 เม็ด โดยนำเข้ามาจากประเทศปากีสถาน เมื่อปี 2554 ซึ่งปัจจุบันมารดาได้พ้นโทษออกมาแล้ว และย้ายไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส และได้ยอมรับว่าตนเริ่มเข้าวงการจำหน่ายยาเสพติด จากการเข้าไปศึกษาในดาร์คเว็บและแชทพูดคุยกับคนในดาร์คเว็บ โดยไม่รู้จักชื่อและตัวตนจริง ผ่านทางหลายเว็บไซต์ ซึ่งได้รับว่าตนเองมีคอนเนคชั่นนำเข้ายา MD หรือยาอี จากทั่วโลก โดยจะนำเข้ามาในรูปแบบการส่งเป็นพัสดุเข้ามาตามปกติ และอ้างว่าตนเองสามารถเล่นแร่แปลธาตุแปลงยาได้ ซึ่งการซื้อขายยาเสพติดจากดาร์กเว็บที่ใช้ประสานงานนั้น จะซื้อขายจ่ายเงิน ผ่านทางคริปโตเคอเรนซี่และได้ยอมรับว่า ล่าสุดได้สั่งยาอีที่กำลังจะเข้ามาในไทยอีกจำนวนครึ่งกิโลกรัมและ 30 กิโลกรัม แต่มาถูกจับกุมก่อน และยอมรับว่ารู้ตัวว่าตนเองมีหมายจับ แต่เข้าใจว่าอาจเป็นคดีอื่น โดยในคดีนี้ที่ถูกออกหมายจับเพราะว่า ทำพลาดจนถูกศุลกากรตรวจพบยาอีที่ส่งพัสดุเข้ามาจำนวน 2.5 กิโลกรัม เพราะลูกน้องไม่ได้ทำตามแผนที่ตนสั่งการไว้ โดยหลังเสร็จสิ้นการจับกุมได้นำตัว นายจีมินซ็อง ส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.1 บช.ปส. เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
#จับผู้ต้องหาคดียาเสพติด
#ศัลยกรรมอำพรางตัว