ซีเอ็นเอ็น รายงานอ้างนายเอริค อะโพโลนิโอ โฆษกสำนักงานการบินพลเรือนของฟิลิปปินส์(CAAP)ว่า ทีมกู้ภัยฟิลิปปินส์เริ่มเข้าไปปฏิบัติการค้นหาบริเวณยอดของเทือกเขา มายอน ที่สูงจากพื้นดินราว 6,000 ฟุต(หรือ 1,823 เมตร) หลังทีมค้นหาทางอากาศของบริษัทเอ็นเนอร์ยี ดิเวลลอปเมนท์ คอร์ป ซึ่งทำธุรกิจด้านการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนใต้พิภพ ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในกรุงมะนิลา พบซากชิ้นส่วนของเครื่องบินขนาดเล็กรุ่นเซสนา 340 (Cessna 340) ลำหนึ่งที่บรรทุกชาวออสเตรเลีย 2 คน พร้อมนักบินชาวฟิลิปปินส์ 1 คนและลูกเรืออีก 1 คน รวมคนบนเครื่อง 4 คน ขาดการติดต่อกับหอควบคุมการบินของฟิลิปปินส์ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ 18 ก.พ.66
โฆษกสำนักงานการบินพลเรือนของฟิลิปปินส์ ระบุว่า ทีมกู้ภัยจะเข้าไปตรวจสอบในจุดที่พบซากเครื่องบิน เพื่อตรวจสอบว่าเป็นเครื่องบินที่สูญหายหรือไม่ ระบุว่า หลังตรวจสอบและสรุปว่าเป็นเครื่องบินที่สูญหาย ทีมสอบสวนจาก CAAP จะสอบสวนสาเหตุของเครื่องบินตกต่อไป สำหรับภูเขาไฟมายอน เคยเกิดภูเขาไฟปะทุครั้งสุดท้ายในปี 2561
เครื่องบินลำดังกล่าวเป็นเครื่องขนาด 6 ที่นั่ง บินจากสนามบินนานาชาติบีโคล จังหวัดอัลเบย์ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะลูซอน มุ่งหน้ายังกรุงมะนิลา แต่ขาดการติดต่อกับหอควบคุมการบิน ฟิลิปปินส์ระดมทีมกู้ภัยกว่า 200 คน รถยนต์ 34 คัน โดรน 11 ลำ และสุนัขตำรวจ 4 ตัว เพื่อปฏิบัติการค้นหาซากเครื่องบินในท้องที่ดังกล่าว
นายอัลลัน บาร์เซนา โฆษกของบริษัทเอ็นเนอร์ยี ดิเวลลอปเมนท์ คอร์ป ระบุในแถลงการณ์ว่า ชาวออสเตรเลีย 2 คนบนเครื่องบินคือ นายไซมอน ชิฟเพอร์ฟีลด์ และนายคาร์ธี ซันธานัม สองที่ปรึกษาทางเทคนิค ซึ่งทำงานให้กับบริษัทเอ็นเนอร์ยี ดิเวลลอปเมนท์
ด้านนายเอชเค ยู(HK Yu) เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำฟิลิปปินส์ ทวีตข้อความว่า สถานทูตออสเตรเลียประสานงานกับทางการฟิลิปปินส์ เพื่อให้การช่วยเหลือด้านเอกสารและคำปรึกษาต่างๆแก่ครอบครัวของผู้โดยสารชาวออสเตรเลียทั้ง 2 ราย
#ฟิลิปปินส์
#กู้ภัยลงพื้นที่สำรวจซากเครื่องบินเล็ก