เข้าข่ายผิดจริยธรรม!รมว.คลัง ชี้ 2 อธิบดี ต้องรับผิดชอบเองซื้อ-ขายหุ้นบางจาก

17 กุมภาพันธ์ 2566, 17:11น.


          หลังมีรายงานจากเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่า กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังจำนวน 2 ราย ได้เข้าซื้อขายหุ้นในบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในขณะที่บริษัทกำลังอยู่ในช่วงเข้าซื้อกิจการ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โดยกรรมการที่เข้าซื้อขายหุ้นเป็นกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง คือ นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ และนางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง



          นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า เป็นความรับผิดชอบส่วนตัว ที่อธิบดีทั้ง 2 คนจะต้องพิจารณาด้วยตัวเอง ส่วนการจะต้องเข้าไปปรับปรุงมาตรฐานจริยธรรมของผู้บริหารกระทรวงการคลังให้มีความชัดเจนมากขึ้นหรือไม่ รมว.คลัง กล่าวว่า เรื่องของจริยธรรมและความโปร่งใสมีกฎกติกาอยู่แล้ว ในการถือหุ้นของพนักงานหรือกรรมการบริษัทนั้นๆ ซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐาน แต่การที่ไปซื้อขายหุ้น ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง



          รายงานก.ล.ต.แจ้งว่า นายจำเริญ ได้เข้าซื้อหุ้นจำนวนทั้งหมด 6 แสนหุ้น แบ่งเป็นการเข้าซื้อในวันที่ 22 ธ.ค. 2565 จำนวน 2 แสนหุ้น ในราคา 31.00 บาท วันที่ 22 ธ.ค. 2565 จำนวน 1 แสนหุ้น ราคา 30.75 บาท และ วันที่ 26 ธ.ค. 2565 จำนวน 3 แสนหุ้น ราคา 28.14 บาท จากนั้น ในวันที่ 12 ม.ค. 2566 ได้ทำการขายหุ้นจำนวน 1.5 แสนหุ้น ราคา 34.75 บาท ซึ่งเป็นการขายที่เกิดขึ้นภายหลังบางจากลงนามซื้อเอสโซ่เพียง 1 วัน 



          ส่วนนางสาวกุลยา ได้เข้าซื้อในวันที่ 28 ธ.ค.2565 จำนวน 3 แสนหุ้น ในราคา 28.14 บาท จากนั้น ได้ขายออกไป แต่ไม่ได้แจ้งต่อก.ล.ต.เนื่องจากพ้นวาระการดำรงตำแหน่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า การซื้อขายหุ้นของกรรมการบริษัทบางจากฯเป็นการใช้ข้อมูลภายในหรืออินไซด์เดอร์ ก่อนที่จะมีการซื้อกิจการในธุรกิจอื่นหรือไม่ ในส่วนของกรรมการผู้แทนของกระทรวงการคลังนั้น อาจถือว่า ผิดต่อจรรยาบรรณ ซึ่งตามปกติแล้ว กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง จะต้องไม่ดำเนินการในลักษณะดังกล่าว และ หากจะอ้างว่า ไม่ทราบเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติดังกล่าวก็ไม่สามารถทำได้ เพราะถือเป็นแนวปฏิบัติที่ใช้กันมานานแล้วและต้องทราบเมื่อเข้ามารับตำแหน่ง



          ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังหลังได้รับรายงานกำลังพิจารณาว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะอาจถือเป็นการกระทำผิดจรรยาบรรณที่กำหนดไว้ในหลักเกณฑ์การเป็นกรรมการผู้แทนรัฐวิสาหกิจเมื่อปี 2553



          นายจำเริญกล่าวยอมรับว่า ได้รับหุ้นดังกล่าวจริงในจำนวน 3 แสนหุ้น โดยเป็นหุ้นที่บริษัทให้สิทธิ์ในการซื้อในฐานะที่เป็นบอร์ดรายละ 3 แสนหุ้น ขณะเดียวกัน ได้เข้าซื้ออีก 3 แสนหุ้น และได้ขายออกไปจำนวน 1.5 แสนหุ้น โดยการซื้อและขายหุ้นดังกล่าวนั้น ได้รายงานต่อกระทรวงการคลังและก.ล.ต.เรียบร้อยแล้ว ตามปกติแล้ว ยืนยันว่า ไม่ได้ทำการซื้อขายหุ้นในลักษณะอินไซด์ข้อมูลอย่างแน่นอน



           น.ส.กุลยายอมรับเช่นกันว่า ได้ซื้อขายหุ้นในบางจากจริง แต่หุ้นที่ซื้อขายนั้นได้รับสิทธิ์ตามการจัดสรรอย่างถูกต้องที่จัดสรรให้บอร์ดและพนักงานทุกคนรวม 18 ล้านหุ้น โดยถือเป็นผลตอบแทนที่ได้ทำงานแก่กรรมการและพนักงานในฐานะที่เป็นบอร์ดขณะนั้น ได้รับการจัดสรรเช่นเดียวกัน 3 แสนหุ้น จึงได้ใช้สิทธิซื้อหุ้นไปตามสิทธิที่ได้รับ แต่ไม่ได้คิดว่าจะเข้าไปเล่นหรือถือหุ้นอะไร เพราะเมื่อหุ้นเข้าพอร์ตได้สั่งให้บริษัทหลักทรัพย์ขายทันที เนื่องจากปกติไม่ได้มีการเล่นหุ้นมาก่อนและไม่เคยมีพอร์ตหุ้นก่อนอยู่แล้ว  ยืนยันว่า ขณะนี้ไม่มีหุ้นของบางจากเหลืออยู่ในพอร์ต และไม่ได้มีการเข้าไปซื้อเพิ่มด้วย และปัจจุบันได้ลาออกจากคณะกรรมการบางจากแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.66 ฉะนั้น จึงไม่ได้แจ้งตลาดในการขายหุ้นดังกล่าว

  



#ซื้อขายหุ้นบางจาก



#อธิบดีกระทรวงการคลัง

ข่าวทั้งหมด

X