รอง ผบ.ตร.เผยคุมตัว 'หยู ซินฉี' ได้แล้ว เตรียมแจ้งข้อหาฉ้อโกง-ตั้งมูลนิธิเถื่อนและผลักดันออกนอกประเทศ

17 กุมภาพันธ์ 2566, 15:09น.


          ความคืบหน้าหลังจากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์  และนายรังสิมันต์ โรม  ส.ส.พรรคก้าวไกล  เปิดเผยพฤติกรรมของนายหยู ซินฉี  ประธานมณฑลส่านซี สมาคมแห่งประเทศไทย  ที่แอบอ้างและอวดอ้างว่าใกล้ชิดกับบุคคลสำคัญ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์  รวมทั้งสมาคมก็ไม่ได้จัดตั้งอย่างถูกต้อง   ซึ่ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  เป็นผู้ดูแลในคดีนี้



          มีรายงานว่า วันนี้ (17 ก.พ.)  ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง  ไปเชิญตัวนายหยู ซินฉี   จากบ้านพักย่านวัชพล เพื่อนำตัวไปสอบถามข้อมูลที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง   ซึ่งนายหยู ซินฉี   ให้ความร่วมมือขึ้นรถของเจ้าหน้าที่เดินทางไปที่อาคารสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เมืองทองธานี ส่วนการเข้าตรวจค้นบ้านพัก  มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ยังรอศาลอนุมัติหมายค้น เพื่อนำแสดงก่อนเข้าตรวจค้นภายในบ้าน ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาด 80 ตารางวา อยู่ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งบนถนนจตุโชติ ย่านวัชรพล -วงแหวน 





          ส่วนเรื่องความผิดแยกเป็น 2 ส่วน คือ การจัดตั้งสมาคมโดยไม่มีใบอนุญาตเป็นหน้าที่ของกรมการปกครองที่จะต้องไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับ ตำรวจ สน. คันนายาว เจ้าของพื้นที่ เพราะตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่าไม่มีการขอใบอนุญาตในการจัดตั้งสมาคม   ส่วนความผิดที่เกี่ยวข้องกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ยังไม่สามารถระบุได้เนื่องจากขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบถามข้อมูลจากเจ้าตัวและรอผลการตรวจสอบค้นบ้านพัก เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานพิจารณาความผิด



          ล่าสุด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  เปิดเผยว่า  ขณะนี้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายหยู ซินฉี   ผู้ที่เข้าข่ายกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง การตั้งมูลนิธิเถื่อน และแอบอ้างบุคคลสำคัญ   พฤติกรรมของนายหยู ซินฉี ที่ผ่านมา  มักจะถ่ายรูปร่วมกับบุคคลสำคัญต่างๆ  เพื่อนำไปแอบอ้างกับชาวจีนด้วยกัน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและชักชวนให้เข้ามาทำธุรกิจร่วมกัน   เพราะสำหรับคนจีนนั้น การก่อตั้งสมาคมหรือมูลนิธิถือเป็นเรื่องสำคัญ  ซึ่งพบมีผู้เสียหายที่ถูกหลอกร่วมลงทุน  ทั้งในประเทศอังกฤษและประเทศจีน  ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอผู้เสียหายกลุ่มนี้เข้ามาให้ปากคำ  



          ส่วนการแอบอ้างเข้าไปพบบุคคลสำคัญได้นั้น  จะต้องมีคนไทยที่เป็นข้าราชการช่วยเหลืออำนวยความสะดวก โดยหลังจากนี้จะเพิกถอนวีซ่า ตั้งข้อกล่าวหาเรื่องการฉ้อโกง ตั้งมูลนิธิหรือสมาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต  เมื่อดำเนินคดีความผิดที่เกิดขึ้นในประเทศไทยแล้วเสร็จ  จะผลักดันออกนอกประเทศ พร้อมกับขึ้นบัญชีแบล็คลิสต์ถาวร



           ด้าน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องเรียกนายชูวิทย์ และนายรังสิมันต์เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่มีข้อมูลพฤติกรรมของนายหยู ซินฉี อยู่บ้างแล้ว และทางพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็กำลังดำเนินการอยู่



#หยูซินฉี



#ฉ้อโกง



#ตั้งมูลนิธิเถื่อน



#แอบอ้างเบื้องสูง



 

ข่าวทั้งหมด

X