สศช.คาด GDP ปีนี้โต 2.7-3.7% ภาคท่องเที่ยวฟื้นตัว ส่วนปีที่แล้วโต 2.6% ต่ำกว่าคาด

17 กุมภาพันธ์ 2566, 11:24น.


          สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) แถลงตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญทั้งตัวเลขการเจริญเติบโต(GDP) ไตรมาส 4 ปี 2565 และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปีนี้



-เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 1.4 ชะลอตัวลงจากไตรมาสที่ 3 ปี 2565 ที่ขยายตัวร้อยละ 4.6 เนื่องจาก ตัวเลขด้านการผลิตในภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคขั้นสุดท้ายของรัฐบาล การส่งออกและการนำเข้าสินค้าและบริการลดลง





-รวมทั้งปี 2565 เศรษฐกิจไทย ขยายตัวร้อยละ 2.6 ปรับตัวดีขึ้นจากร้อยละ 1.5 เมื่อปี 2564 ตามการฟื้นตัว ของภาคการท่องเที่ยว และการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของอุปสงค์ภายในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน





          นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสศช.ระบุว่า การที่เศรษฐกิจไทยปี 2565 ขยายตัวได้เพียง 2.6% จากที่สศช.เคยคาดไว้ที่ 3.2%  เป็นเพราะเดิมสศช.มองว่า เศรษฐกิจโลกจะเริ่มชะลอตัวลงในช่วงปีนี้  แต่ปรากฎว่าเศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/2565 ซึ่งเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ และมีส่วนทำให้การส่งออกของไทยหดตัวแรงในช่วงไตรมาส 4/2565 ด้วยเช่นกัน จึงทำให้การประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2565 คลาดเคลื่อนไปมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลสำคัญจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก



-แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2566 คาดว่า จะขยายตัวในช่วงร้อยละ 2.7-3.7 (ค่ากลางของการประมาณการอยู่ที่ร้อยละ 3.2) โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญจาก



(1) การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว



(2) การขยายตัวของการลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ



(3) การขยายตัวในเกณฑ์ดีต่อเนื่องของการอุปโภค บริโภคภาคเอกชน



 (4) การขยายตัวในเกณฑ์ดีของภาคเกษตร ทั้งนี้ คาดว่าการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน จะขยายตัวร้อยละ 3.2 ส่วนการลงทุนภาคเอกชนและการลงทุนภาครัฐขยายตัวร้อยละ 2.1 และร้อยละ 2.7 ตามลำดับ และมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์ สรอ. ลดลงร้อยละ 1.6 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ในช่วง ร้อยละ 2.5-3.5 และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ 1.5 ของ GDP



 



         





          การบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในปี 2566 ควรให้ความสำคัญ



(1) การดูแลแก้ไขปัญหา หนี้สินของลูกหนี้รายย่อย ทั้งหนี้สินในภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)



(2) การดูแลการผลิตภาคเกษตรและรายได้เกษตรกร โดยการเตรียมมาตรการรองรับผลผลิตสินค้าเกษตร ที่จะออกสู่ตลาด การสร้างความเข้มแข็งให้กับห่วงโซ่การผลิตของภาคการเกษตร การปรับโครงสร้างการผลิต และการเกษตรยั่งยืน



(3) การรักษาแรงขับเคลื่อนจากการส่งออกสินค้า การอำนวยความสะดวกและลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก การจัดการความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน



(4) การสนับสนุน การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริการเกี่ยวเนื่อง



(5) การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน โดยเร่งรัดให้ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติและออกบัตรส่งเสริมการลงทุนในช่วงปี 2563-2565 ให้เกิดการลงทุนจริง โดยเฉพาะโครงการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย



(6) การขับเคลื่อนการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐควบคู่ไปกับการเพิ่มพื้นที่ทางการคลังเพื่อรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนในระยะปานกลางและเพิ่มศักยภาพการเจริญเติบโต ทางเศรษฐกิจ



(7) การติดตาม เฝ้าระวัง และประเมินสถานการณ์ความผันผวนของเศรษฐกิจและการเงินโลก



(8)การรักษาบรรยากาศทางเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศ



 



 



#สภาพัฒน์



#ตัวเลขเศรษฐกิจ



รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.nesdc.go.th/ewt_dl_link.php?nid=13448&filename=QGDP_report



CR:ขอบคุณข้อมูล-ภาพ Facebook สภาพัฒน์

ข่าวทั้งหมด

X