องค์การอนามัยโลก เตือนผู้ป่วยโควิด-19 มีความเสี่ยงเผชิญกับภาวะซึมเศร้า โรคหลอดเลือดสมอง ความวิตกกังวล และความผิดปกติด้านความจำ ในรายงาน ตั้งข้อสังเกตว่า จำนวนผู้ป่วยที่มีอาการวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 ทั่วโลก เฉพาะในสหรัฐฯ ช่วงครึ่งแรกของปีที่แล้ว (2564) มากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่ชาวอเมริกันที่ติดเชื้อโควิด รายงานอาการของโรคซึมเศร้า และอาการเหล่านี้รวมถึงความผิดปกติทางจิตอื่นๆ จะยังคงอยู่นานถึง 1 ปีหลังจากที่หายป่วยจากโควิดแล้ว
ดร.ซิยาด อัล-อาลี นักระบาดวิทยาทางคลินิก ที่มหาวิทยาลัยวอชิงตันในเซนต์หลุยส์ กล่าวว่าอาการป่วยเหล่านี้ ทำให้โควิดเพิ่มความรุนแรงของผลกระทบมากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ยังมีความกังวลเรื่องสุขภาพ ความเศร้าโศกจากการสูญเสียคนที่รัก การแยกตัวทางสังคม และการหยุดชะงักของกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เมื่อเปรียบเทียบระหว่างผู้ที่ไม่ติดเชื้อ กับผู้ติดเชื้อพบว่าผู้ที่ติดเชื้อ มีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตที่หลากหลายมากกว่า เขากล่าวว่า มีบางอย่างเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาที่ส่งผลกระทบต่อสมอง และนักวิทยาศาสตร์ยังคงเรียนรู้ว่าส่งผลกระทบอย่างไร
มีงานวิจัยในเบื้องต้นหลายฉบับที่แสดงให้เห็นว่า ระบบภูมิคุ้มกันที่ทำงานอย่างหนักเมื่อมีอาการป่วย ทำให้บางคนเกิดอาการอักเสบทั่วร่างกายและแม้กระทั่งในสมอง
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานบางอย่างที่แสดงว่าเซลล์บุผนังหลอดเลือดในสมองถูกรบกวนในระหว่างการต่อสู้กับไวรัสโคโรนา ส่งผลกระทบต่อเซลล์ที่เรียกว่าไมโครเกลีย ซึ่งปกติทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสมอง
ทั้งมีความเป็นไปได้ว่าไวรัสโคโรนาส่งผลกระทบต่อความหลากหลายของแบคทีเรียและจุลินทรีย์ในลำไส้ ที่สร้างสารสื่อประสาท เช่น เซโรโทนินและโดปามีน ซึ่งควบคุมอารมณ์ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นต้นตอของปัญหาทางจิตเวชบางอย่าง ปัจจัยเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดประการหนึ่งในการเกิดภาวะซึมเศร้า
องค์การอนามัยโลก ระบุว่า คนหนุ่มสาวมีความเสี่ยงต่อพฤติกรรมฆ่าตัวตายและการทำร้ายตัวเองอย่างไม่สมส่วน, ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะรายงานผลกระทบสุขภาพจิตมากกว่าผู้ชาย, ผู้ที่มีภาวะสุขภาพร่างกายที่มีอยู่ก่อนแล้ว เช่น โรคหอบหืด โรคมะเร็ง และโรคหัวใจ มักจะมีอาการผิดปกติทางจิตเกิดขึ้นหลังจากที่หายป่วย
ดร.เมแกน โฮซีย์ นักจิตวิทยาด้านการฟื้นฟู ซึ่งดูแลผู้ป่วยไอซียูที่โรงพยาบาลจอห์น ฮอปกินส์ กล่าวว่า ผู้ที่หายป่วยจำนวนมากมีปัญหานอนไม่หลับและมีพฤติกรรมบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งในส่วนนี้อาจอธิบายได้ว่า ในเบื้องต้นคือปัญหาความเครียด เพราะเมื่อต้องต่อสู้กับความเจ็บป่วยเป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกเหนื่อยและปวดหัว แต่หากเกิดขึ้นเป็นเวลานาน จะส่งผลกระทบต่ออารมณ์และการดำเนินชีวิต เมื่อส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์กับผู้อื่น นั่นอาจเป็นสัญญาณของภาวะซึมเศร้า ผู้ที่มีอาการรุนแรงอาจมักนึกถึงความตาย และพัฒนาความคิดฆ่าตัวตาย ซึ่งแพทย์ย้ำว่า สิ่งสำคัญคือต้องพูดคุยกับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต
องค์การอนามัยโลกย้ำว่า ทั้งผู้ป่วยและบุคคลใกล้ชิดสามารถแบ่งปันสิ่งที่พวกเขากำลังประสบกับแพทย์เพื่อขอรับความช่วยเหลือได้ ซึ่งดร.โฮซีย์ กล่าวว่า อาการซึมเศร้าไม่ใช่สิ่งที่จะทิ้งไปได้โดยง่าย และไม่แนะนำให้สั่งซื้ออาหารเสริมที่มีการโฆษณาว่าสามารถรักษาภาวะซึมเศร้าได้
....
#โควิด19
#องค์การอนามัยโลก
Washington University School of Medicine in St. Louis