นายกฯ เปิดการประชุมผู้นำเอเปค ร่วมกันผลักดันการจัดทำ FTAAP

18 พฤศจิกายน 2565, 10:03น.


          ผู้นำแต่ละเขตเศรษฐกิจทยอยเดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ รอต้อนรับ เช่น นางจาซินดาร์ อาร์เดิร์น นายกฯ นิวซีแลนด์ นายเฟอร์ดินันด์ มาร์คอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ นายเจมส์ มาราเบ นายกฯปาปัวนิวกินี นางกมลา แฮริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมเด็จพระราชาธิบดีฮัจญี ฮัสซานัล โบลเกียห์ มูอิซซัดดีน วัดเดาละห์ แห่งบรูไนดารุสซาลาม  นายเหวียน ซวน ฟุก ประธานาธิบดีเวียดนาม นายลี เซียน ลุง นายกฯ สิงคโปร์ และ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เป็นต้น



         นายกฯ เป็นประธานการประชุมเขตผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 (Retreat ช่วงที่ 1) ภายใต้หัวข้อ “การเจริญเติบโตที่สมดุล ครอบคลุมและยั่งยืน (Balanced, Inclusive and Sustainable Growth)” ห้องประชุม Plenary Hall 2 ชั้น 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์





                นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมเอเปควันที่ 17-19 พ.ย.65 จะมีการประชุมประเด็นเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก หรือ Free Trade Area of the Asia-Pacific (FTAAP) ซึ่งรัฐบาลได้ประชุมและร่างถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีเอเปค ครอบคลุมประเด็นสำคัญ 47 หัวข้อ ซึ่งแบ่งเป็น 3 ประเด็นหลัก คือ



1.การเปิดกว้างต่อทุกโอกาส



2.การเชื่อมโยงในทุกมิติ



3.ความสมดุลในทุกด้านในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ FTAAP 



          นอกจากนี้ ไทยจะเสนอแผนงานขับเคลื่อน FTAAP ได้รวบรวมประเด็นที่สมาชิกเอเปคสนใจร่วมกัน ทั้งการค้าดั้งเดิม การค้าใหม่และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยตั้งเป้าหมายของ FTAAP เพื่อขยายการค้าการลงทุนภายในเอเชีย-แปซิฟิก รวมทั้งลดอุปสรรคการค้าการลงทุนที่ไม่จำเป็น และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของสมาชิกเอเปค และลดช่องว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างกัน ทั้งนี้ ปัจจุบันกำลังทำแผนงาน FTAAP ระยะ 4 ปี (2566-2569) ที่มุ่งสู่การจัดทำ FTAAP เพื่อตอบสนองสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ด้านการค้า การลงทุน นวัตกรรม การเข้าสู่ยุคดิจิทัล



          รัฐบาลได้พยายามชูประเด็น เพื่อหารือการขับเคลื่อน FTAAP ซึ่งหวังให้เป็นเขตการค้าเสรีใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะขจัดอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศ และหนุนการเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทานในกลุ่มสมาชิก เพื่อนำไปสู่การเจรจาการลดภาษีระหว่างกลุ่มเอเปคเป็นรายสินค้าได้มากขึ้น ในโอกาสนี้ เชื่อมั่นว่า จะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตหลายมิติ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของไทยในระยะยาว รัฐบาลหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการผลักดัน FTAAP จะเป็นโอกาสที่ภาคธุรกิจสามารถขยายตัว โดยที่อุปสรรคทางการค้าลดลง และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น



 



#เอเปค2022



CR:รัฐบาลไทย,APEC 2022 Thailand,รัฐบาลไทย 



 

ข่าวทั้งหมด

X