การเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย วันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2565 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบประเด็นสำคัญ คือ ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงาน ระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดตั้งกรอบความร่วมมือระหว่างคู่ภาคีในสาขาพลังงาน ภายใต้สาขาความร่วมมือ เช่น การพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนและเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ การส่งเสริมการปรับเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัลและนวัตกรรมด้านพลังงาน การเสริมสร้างขีดความสามารถบุคลากรผ่านการฝึกอบรม และแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับด้านพลังงาน การขับเคลื่อนของคู่ภาคีมีหน้าที่ เช่น จัดตั้งคณะทำงานเพื่อจัดทำข้อเสนอที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจนี้ แต่ละภาคีจะรับผิดชอบต้นทุนทางการเงินตามความตกลงนี้
นอกจากนั้น ยังเห็นชอบการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบียว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูต หนังสือเดินทางราชการ และหนังสือเดินทางพิเศษ โดยจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่าง โดยมีรองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ เป็นผู้แทนรัฐบาลไทย และรมว.ต่างประเทศซาอุดิอาระเบีย เป็นผู้แทนรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย
สาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ กำหนดให้ประชาชนของประเทศคู่ภาคีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการที่มีผลใช้ได้ของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และหนังสือเดินทางทูต และหนังสือเดินทางพิเศษที่มีผลใช้ได้ของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย จะต้องเดินทางผ่าน พำนัก และเดินทางออก จากดินแดนของภาคีอีกฝ่ายหนึ่งโดยไม่ต้องรับการตรวจลงตราเป็นระยะเวลารวมกันไม่เกินกว่า 90 วัน ในช่วงระยะเวลา 180 วัน นับจากวันแรกที่เดินทางเข้า โดยมีเงื่อนไขว่า บุคคลเหล่านั้นจะไม่ทำงานใด ไม่ว่าการทำงานนั้นจะเป็นการดำเนินกิจการของตนเอง หรือกิจกรรมเชิงพาณิชย์ส่วนตัวใด
สำหรับซาอุดิอาระเบียแล้ว ผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานราชการต่าง ๆ หรือภาคเอกชนจำนวนมากที่เป็นราชวงศ์ มักจะถือหนังสือเดินทางทูต และหนังสือเดินทางพิเศษ อีกทั้งการทำบันทึกความเข้าใจดังกล่าว จะช่วยอำนวยความสะดวกในการติดต่อราชการระหว่างหน่วยงานของทั้ง 2 ประเทศได้เป็นอย่างมาก
นอกจากนั้น จะมีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงการท่องเที่ยวแห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย เพื่อพัฒนาความร่วมมือระดับทวิภาคีในสาขาท่องเที่ยว ภายใต้ขอบเขตความร่วมมือ เช่น 1) ส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น 2) แลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญและพัฒนาบุคลากรในภาคการท่องเที่ยวและบริการ 3) ส่งเสริมการพัฒนาการท่องเที่ยว เช่น การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการท่องเที่ยวเชิงมรดกวัฒนธรรม เป็นต้น
#ลงนามความร่วมมือ
#ซาอุดิอาระเบีย