นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ / นายภควัต ตันสกุล อธิบดีกรมพิธีการทูต และนายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และเจ้าหน้าที่อาวุโสเอเปคของไทย ร่วมกันแถลงข่าวการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในสัปดาห์หน้าจะเป็นสัปดาห์แห่งการประชุมเอเปค ถือเป็นงานสำคัญของประเทศไทย ขณะที่ นายเชิดชาย ระบุว่า ในการประชุมครั้งนี้จะมีผู้นำเดินทางมาร่วมประชุมด้วยตนเอง จำนวน 14 เขตเศรษฐกิจ ได้แก่ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม จีน ฮ่องกง บรูไน ฟิลิปปินส์ ปาปัวนิวกินี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น แคนาดา และชิลี ส่วนเขตเศรษฐกิจที่ส่งผู้แทนมาร่วมประชุม มีจำนวน 6 เขต ได้แก่ รัสเซีย สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ มาเลเซีย เม็กซิโก และเปรู
ทั้งนี้ ยังมีแขกพิเศษของรัฐบาล ได้แก่ นายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชา ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย รวมไปถึงองค์กรระหว่างประเทศหลายหน่วยงาน เช่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF), องค์การอนามัยโลก (WHO), องค์การการค้าโลก (WTO), องค์การความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD)
สำหรับกำหนดการประชุมจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 12-14 พฤศจิกายน เป็นการเตรียมความพร้อม วันที่ 15-16 พฤศจิกายน เป็นการหารือระดับผู้บริหาร
วันที่ 17 พฤศจิกายน จะเป็นประธานร่วมในการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 33 หรือ 33rd APEC Ministerial Meeting (AMM) ระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประเทศไทยนำโดย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นผู้ต้อนรับรัฐมนตรีเศรษฐกิจในเขตต่างๆ ช่วงเช้าจะมีการพูดคุยในหัวข้อสร้างสมดุล (Balance) หลังจากนั้นในช่วงบ่ายจะมีการหารือในหัวข้อ การเชื่อมโยง (Connect) และการเปิดกว้าง (Open)
ส่วนวันที่ 18 พฤศจิกายน จะเป็นการประชุมระดับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค หรือ APEC Economic Leaders Meeting (AELM) ที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุม ในช่วงเช้าจะมีการหารือกันในประเด็นที่ประเทศไทยเป็นผู้ผลักดัน หลังจากนั้นจะมีการหารือแบบทวิภาคีระหว่างพลเอกประยุทธ์และแขกของรัฐบาล ได้แก่ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย
โดยในการประชุมครั้งนี้จะมีการหารือถึงความท้าทายที่เกิดขึ้นในปัจจุบันด้วย ได้แก่ เรื่องเศรษฐกิจโลกถดถอยระดับโลก ความไม่มั่นคงทางอาหาร พลังงาน และภาวะเงินเฟ้อ
อีกทั้งการประชุมครั้งนี้จะใช้ท่าอากาศยานรับรองทั้งหมด 3 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานอู่ตะเภา โดยจัดที่พักรับรองผู้มาร่วมงานประชุมเป็นโรงแรมในกรุงเทพฯ กว่า 20 แห่ง
ส่วนงานเลี้ยงต้อนรับผู้นำเขตเศรษฐกิจและผู้เข้าร่วม หรือกาล่าดินเนอร์ ในวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่หอประชุมกองทัพเรือ ในเวลา 17.00 น. จะมีการนำเสนออาหารไทยโดยเชฟระดับมิชลิน
นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอวัฒนธรรมไทย เช่น ย่านลิเภา ผ้าไหมจากศูนย์ศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ส่วนการแสดงนำโดยศิลปินชั้นนำของไทย บรรเลงเพลงไทยและสากล ซึ่งจะมีการจำลองเทศกาลไหลเรือไฟจากจังหวัดนครพนมกลางแม่น้ำเจ้าพระยา และให้ผู้นำเขตเศรษฐกิจร่วมลอยกระทง
#เอเปค2022