รอยเตอร์ รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯเริ่มต้นภารกิจการเยือนต่างประเทศตั้งแต่วันนี้ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เริ่มจากการเยือนอียิปต์เพื่อร่วมประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP 27 ที่เมืองชาร์มเอลชีคของอียิปต์ในวันพรุ่งนี้(11 พฤศจิกายน 2565)
จากนั้นนายไบเดนจะเดินทางต่อมายังกรุงพนมเปญ กัมพูชา เพื่อร่วมประชุมสุดยอดของกลุ่มอาเซียน(ASEAN Summit)และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit)ระหว่าง 12-13 พฤศจิกายนนี้ ตามด้วยการประชุมสุดยอดของ 20 ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่(G-20)ที่เกาะบาหลี อินโดนีเซีย ระหว่าง 14-16 พฤศจิกายนนี้ เพื่อเดินหน้าจัดการกับปัญหาสำคัญๆด้านนโยบายการต่างประเทศของสหรัฐฯ หลังพรรคเดโมแครตของนายไบเดน ทำผลงานได้เกินคาดในการเลือกตั้งกลางเทอมเมื่อวันอังคาร (8 พฤศจิกายน 2565)
ในเวทีG-20นี้ นายไบเดนจะประชุมแบบพบหน้ากันครั้งแรกกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน นายไบเดนต้องการจะทำความเข้าใจท่าทีของทั้งสองฝ่ายในปัญหาต่างๆที่จีนเรียกว่า เส้นแดงที่ต้องห้ามประเทศอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น เรื่องไต้หวัน พร้อมทั้งพูดคุยกับบรรดาชาติพันธมิตรในเรื่องมาตรการต่างๆเพื่อลงโทษรัสเซียหลังบุกยูเครน และหารือเรื่องมาตรการจัดการกับเกาหลีเหนือ หลังทดลองขีปนาวุธมาหลายครั้งในปีนี้
สำหรับในเรื่องจีน นายไบเดนบอกกับนักข่าวเมื่อวานนี้ว่า เป้าหมายของเขาคือ การทำความเข้าใจให้มากขึ้นในเรื่องนโยบายต่างๆที่เป็นภารกิจเร่งด่วน ตลอดถึงข้อห่วงใยต่างๆของนายสี ระหว่างการประชุมนอกรอบของการประชุมกลุ่ม G-20 ที่เกาะบาหลี ทั้งจะหารือเรื่องไต้หวันกับนายสี เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า เส้นแดงหรือประเด็นที่ต้องห้ามล้ำของแต่ละฝ่ายคืออะไร เพื่อจะได้ทราบว่า ประเด็นเรื่องใดที่นายสีมองว่า เป็นผลประโยชน์แห่งชาติของจีน ทั้งพูดคุยเรื่องประเด็นเกี่ยวกับผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐฯ เพื่อให้ทราบว่า ผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายไปด้วยกันได้ หรือขัดกันอย่างไร
เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯระบุว่า ทั้งคณะทำงานของจีนและสหรัฐฯ ได้ประสานงานเพื่อให้ผู้นำทั้งสองพบแบบเจอหน้ากันโดยตรงแต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดวันและเวลาการพบปะระหว่างนายไบเดนกับนายสีระหว่างการประชุมกลุ่ม G-20 ในสัปดาห์หน้า นับตั้งแต่นายไบเดนเข้ามาบริหารประเทศในเดือนมกราคม 2564 นายไบเดนและนายสีจะพูดคุยกันทางโทรศัพท์และประชุมผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอร์เรนซ์ มาตลอด
ด้านนายแมทธิว กู๊ดแมน รองประธานอาวุโสด้านเศรษฐศาสตร์จากศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และนานาชาติ หรือ Center for Strategic & International Studies (CSIS) สถาบันวิจัยของสหรัฐฯระบุว่า คำถามสำคัญที่หลายคนสนใจคือ ผู้นำทั้งสองจะแสดงท่าทีมิตรไมตรี หรือ แข็งกร้าว หลังจากผู้นำทั้งสองต่างผ่านเวทีประชุมการเมืองสำคัญประจำปีนี้ หมายถึงการที่ที่ประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนลงมติให้นายสีดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 3 บริหารประเทศต่อไปอีก 5 ปี และการที่สหรัฐฯจัดให้มีการเลือกตั้งกลางเทอมเมื่อวันอังคาร ซึ่งพรรคเดโมแครตของนายไบเดนทำผลงานได้ดีเกินคาด อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายพยายามแสวงหาจุดร่วมมากกว่าแต่ก่อน
#สหรัฐฯ
#นโยบายการต่างประเทศ
#ประชุมCOP27
#G20