นายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของเมตาแพลตฟอร์ม เจ้าของเครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก และอินสตราแกรม แสดงความเสียใจที่ต้องลดพนักงานมากกว่า 11,000 คนหรือร้อยละ 13 ของทั้งบริษัท เพื่อปรับโครงสร้างองค์กร เนื่องจากบริษัทมีรายได้ลดลงอย่างรวดเร็ว ยอมรับว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยากที่สุด และเขารู้สึกเสียใจอย่างยิ่งต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ
นายซักเคอร์เบิร์ก กล่าวว่า มีการคาดการณ์ที่ผิดพลาดว่า อีคอมเมิร์ซจะขยายตัวต่อเนื่องหลังจากการระบาดใหญ่สิ้นสุดลงทำให้เขาเพิ่มการลงทุน แต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นทำให้เมตามีรายได้น้อยกว่าที่คาดไว้ ซึ่งจากจำนวนพนักงานที่ลดลงจะทำให้เมตาเป็นบริษัทที่เล็กลงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ เมตายังได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดและบทลงโทษระดับสากล มีการฟ้องร้องดำเนินคดีในหลายประเทศ เกี่ยวกับโฆษณาและการตรวจสอบเนื้อหา ซ้ำเติมปัญหาโฆษณาลดลง ซึ่งเป็นไปในลักษณะเดียวกับบริษัทเทคโนโลยีอีกหลายแห่ง โดยแอมะซอนยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซประกาศหยุดจ้างงาน ส่วนทวิตเตอร์ก็กำลังลดพนักงานด้วยเช่นกัน แต่การลดพนักงานถึง 11,000 คนของเมตาเป็นจำนวนมากที่สุดในบรรดาบริษัทเทคโนโลยีที่ประกาศปลดพนักงานในปี 2565 และเป็นจำนวนที่มากที่สุดเท่าที่บริษัทเคยปรับลดพนักงานในช่วงเวลา 18 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
สำหรับพนักงานที่ถูกปลด เมตาจะมีการชดเชยพนักงาน ทั้งการจ่ายชดเชย 4 เดือน, ประกันสุขภาพ ระยะเวลา 6 เดือน และจัดศูนย์ช่วยเหลือหางานใหม่
ข้อมูลล่าสุด ณ เดือนกันยายน 2565 เมตามีพนักงานทั่วโลกประมาณ 87,000 คน ขณะที่ ผลประกอบการในไตรมาส 3/2565 ของเมตา รายได้รวมอยู่ที่ 27,714 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2564 และมีกำไรสุทธิ 4,395 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยธุรกิจด้านเมตาเวิร์ส ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของเมตา มีรายได้ลดลงเหลือ 285 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขาดทุนถึง 3,672 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
….
#เมตาปลดพนักงาน