สหรัฐฯ ยกระดับเตือนพลเมืองไปเกาหลีใต้-ญี่ปุ่น
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกประกาศยกระดับคำเตือนพลเมืองชาวอเมริกันที่จะเดินทางไปประเทศเกาหลีใต้และประเทศญี่ปุ่นให้มีความระมัดระวังมากขึ้นต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยแถลงการณ์ฯ ได้ประกาศยกระดับคำเตือนจากระดับ 1 สู่ระดับ 2 จากทั้งหมด 4 ระดับ ในแถลงการณ์ระบุว่า เกาหลีใต้มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ขณะที่ญี่ปุ่นมีการแพร่ระบาดไปยังชุมชนโดยไม่ทราบสาเหตุ จนทำให้มีผู้ป่วยสะสมมากกว่า 750 คนจนกลายเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยมากเป็นอันดับที่ 2 รองจากจีนแผ่นดินใหญ่
เกาหลีใต้ยกระดับคำเตือนโควิด-19
ประธานาธิบดีมุน แจอิน ผู้นำเกาหลีใต้ แถลงยกระดับการเตือนภัยไวรัสโควิด-19 ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญที่ระบุว่าสถานการณ์เข้าสู่ขั้นอันตราย หลังจากที่มีผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 556 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย ประธานาธิบดีระบุว่า สถานการณ์โควิด-19 เผชิญกับจุดเปลี่ยนที่อันตราย และมีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การยกระดับการเตือนภัยในระดับสูงสุดจะทำให้การรับมือสถานการณ์มีความเข้มข้นขึ้น และขอให้เจ้าหน้าที่อย่าลังเลใจที่จะใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อป้องกันการระบาด
การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของเกาหลีใต้มีความเชื่อมโยงกับการชุมนุมของสมาชิกลัทธิชินชอนจิในเมืองแทกู ที่มีต้นตอจากผู้ติดเชื้อหญิงวัย 61 ปีเข้าร่วมในพิธีกรรม 4 ครั้ง ก่อนที่จะแสดงอาการป่วย และผลจากการกักบริเวณสมาชิกของลัทธิจำนวนมากกว่า 9,000 คน แสดงอาการ 1,240 คน แต่ยังมีอีก 670 คนที่เจ้าหน้าที่ยังไม่พบตัว
องค์การอนามัยโลกกังวลผู้ติดไวรัสที่ไม่มีสาเหตุชัดเจน
องค์การอนามัยโลก (WHO) แสดงความกังวลกรณีที่การติดต่อของไวรัสโควิด-19 ที่ไม่มีความชัดเจน โดยเฉพาะการติดเชื้อของผู้ที่ไม่เคยมีประวัติการเดินทางไปจีนมาก่อน และการติดเชื้อจากผู้ที่ไม่เคยได้รับการตรวจยืนยันว่าติดเชื้อ ซึ่งนอกจากนี้ ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก ยังเตือนว่าอย่าแพร่กระจายข่าวลือเกี่ยวกับการแพร่ระบาด มีข่าวเท็จและทฤษฎีสมคบคิดเกิดขึ้นมากมาย ไม่ควรเชื่อข่าวที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ กลุ่มผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศกำลังมีการทำงานร่วมกันเพื่อศึกษาไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ รวมถึงการติดต่อของไวรัส และกล่าวด้วยว่า ความพยายามของจีนในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคจากต้นทาง ช่วยให้ประเทศอื่นๆ มีเวลาในการเตรียมพร้อม และป้องกัน
รัสเซียกล่าวหาสหรัฐฯ สร้างข่าวปลอมใส่ร้าย
ส่วนกรณีที่มีเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวโทษรัสเซียว่าอยู่เบื้องหลังการใช้บัญชีสื่อสังคมออนไลน์ เผยแพร่คำเตือนเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 เพื่อทำลายภาพลักษณ์ของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการที่ระบุว่า ไวรัสโควิด-19 เป็นอาวุธชีวภาพของสหรัฐฯ ที่ใช้โจมตีจีน ทางกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ตอบโต้ว่าสหรัฐฯเจตนาให้ข้อมูลเท็จ เป็นการตั้งข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริงอย่างสิ้นเชิง
IMF ลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีน
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของจีนในปีนี้ลงสู่ระดับร้อยละ 5.6 โดยปรับลดลงร้อยละ 0.4 จากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนมกราคม เนื่องจากผลกระทบจากโรคอุบัติใหม่ นางคริสตาลินา จอร์จีวา ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ คาดว่า เศรษฐกิจจีนอาจจะกลับสู่ภาวะปกติได้ในไตรมาสที่ 2 จึงอาจจะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกประมาณร้อยละ 0.1
ญี่ปุ่นสูญรายได้มหาศาลหลังเรือสำราญต่างชาติแห่ยกเลิกเทียบท่า
สำนักข่าวเกียวโดเปิดเผยผลสำรวจที่ระบุว่า มีเรือสำราญระหว่างประเทศยกเลิกการแวะพักที่ท่าเรือของญี่ปุ่นมากกว่า 200 รายการแล้วนับตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ โดยเป็นการยกเลิกการแวะเทียบท่าเรือที่โอซากามากที่สุดถึง 37 รายการ ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นสูญเสียรายได้หลายพันล้านเยน เพราะการแวะเทียบท่าในแต่ละครั้งจะสร้างรายได้ประมาณ 20-40 ล้านเยน (270,000-360,000 ดอลลาร์)
อินเดียพร้อมต้อนรับ ปธน.สหรัฐฯ เดินทางเยือนอย่างเป็นทางการ
ในระหว่างวันที่ 24-25 กุมภาพันธ์นี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ มีกำหนดเดินทางเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการเดินทางเยือนเป็นครั้งแรกในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยก่อนหน้านี้ เขาเคยเดินทางเยือนเมื่อครั้งที่ยังเป็นนักธุรกิจ
ตามกำหนดการ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเดินทางถึงเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ในช่วงเที่ยงของวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่นและจะเดินทางกลับกรุงวอชิงตันในช่วงเย็นวันอังคาร โดยมีกำหนดเข้าร่วมการประชุมอุตสาหกรรม การเจรจาสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร การปราบปรามการก่อการร้าย สิทธิในทรัพย์สินทางการปัญญา และความร่วมมือด้านอวกาศและการแพทย์
สหรัฐฯ เป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 2 ของอินเดีย รองจากจีน และเป็นคู่ค้าด้านกลาโหมรายใหญ่หลังจากที่คณะรัฐมนตรีอินเดีย เห็นชอบข้อตกลงมูลค่า 2,400 ร้อยล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อเฮลิคอปเตอร์ 24 ลำจากบริษัทล็อกฮีด มาร์ติน ของสหรัฐฯ
ผู้ประดิษฐ์เลโก้เสียชีวิตวัย 78 ปี
ที่โคเปนเฮเกน นายเยนส์ นิวการ์ด คนุดเซน ผู้ประดิษฐ์ตัวต่อเลโก้ชาวเดนมาร์กเสียชีวิตด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเอแอลเอสขณะมีอายุ 78 ปี ที่ศูนย์ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายในเมืองวีดเซน ซึ่งอดีตเพื่อนร่วมงานของนายคนุดเซน เปิดเผยว่านายคนุดเซนเสียชีวิตตั้งแต่เมื่อวันพุธของสัปดาห์ก่อน (19 ก.พ.) โดยนายคนุดเซนร่วมงานกับบริษัทเลโก้ในช่วงระหว่างปี 2511-2543 เขาเป็นเจ้าของความคิดให้ตัวต่อเลโก้เปลี่ยนลำตัวและขาได้ และเป็นผู้ออกแบบเลโก้ธีมคลาสสิกเช่นธีมอวกาศและโจรสลัด
....
ปทส.เร่งเดินหน้าสอบเจ้าของโกดังเก็บกากสารเคมี ระยอง-อยุธยา พบเป็นคนเดียวกัน
...
วันหยุดเยอะ! ส่งผลดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนเม.ย. ร่วงลง
...
สหรัฐฯ ตำหนิ รัสเซียละเมิดอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี พบใช้อาวุธเคมีโจมตีทหารยูเครน
...
ข่าวทั้งหมด
