สหรัฐฯ ตำหนิ รัสเซียละเมิดอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี พบใช้อาวุธเคมีโจมตีทหารยูเครน

          ซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯว่า สหรัฐฯกล่าวหารัสเซียใช้อาวุธเคมีที่มีส่วนผสมของสารคลอโรพิริน (chloropicrin)ที่มีฤทธิ์ทำลายระบบทางเดินหายใจ เป็นหนึ่งในวิธีการทำสงครามกับยูเครน เข้าข่ายละเมิดอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี (Chemical Weapons Convention : CWC) พร้อมใช้อำนาจตามกฎหมายสหรัฐฯปีค.ศ.1991 ว่าด้วยการห้ามใช้อาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพในการทำสงคราม ประกาศคว่ำบาตรรอบใหม่กับบริษัท 4 แห่งของรัสเซีย ฐานจัดหาอาวุธเคมีให้กับรัฐบาลรัสเซีย และคว่ำบาตรหน่วยงานของรัฐ 3 แห่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับโครงการพัฒนาอาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพของรัสเซีย

           สหรัฐฯยังกล่าวหารัสเซียใช้แก๊สน้ำตา ซึ่งโดยปกติใช้ในการควบคุมเหตุจลาจลมา มาผสมสารเคมีและนำมาใช้ในการสู้รบกับยูเครน นับว่า ละเมิดอนุสัญญา CWC เช่นเดียวกัน โดยสหรัฐฯคาดว่า รัสเซียใช้อาวุธเคมีดังกล่าว เพื่อขับไล่ทหารยูเครนให้ถอนกำลังออกไป หรือ ออกไปจากฐานทัพต่างๆของยูเครน เป็นหนึ่งในยุทธวิธี ซึ่งจะช่วยให้รัสเซียได้เปรียบในการสู้รบกับยูเครน

          ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯจัดทำรายงานฉบับนี้ โดยสอบถามทหารยูเครนที่ได้รับผลกระทบจากการใช้อาวุธเคมีจากรัสเซีย ทราบว่า กองทัพรัสเซียใช้แก๊สน้ำตา และสารระคายต่อผิวชนิดอื่นๆด้วยในการสู้รบกับยูเครนในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา โดยกองทัพยูเครนโพสต์ข้อความทางสื่อออนไลน์ว่า พวกเขาได้บันทึกเหตุการณ์กว่า 1,000 ครั้งที่รัสเซียใช้อาวุธเคมีในการสู้รบกับยูเครนในเดือนมี.ค.ต่อเนื่องจากการใช้อาวุธเคมี 250 ครั้งในเดือนมี.ค.

           รัสเซียปฏิเสธมาตลอด ไม่เคยใช้สารต้องห้ามในการสู้รบกับยูเครน สำนักข่าวทาสส์ของทางการรัสเซียรายงานว่า สถานทูตรัสเซียประจำเนเธอร์แลนด์โพสต์ข้อความทาง x ชี้แจงว่า ไม่มีอาวุธเคมีอยู่ในคลังอาวุธของกองทัพรัสเซีย ตามผลสอบสวนจากองค์กรตรวจสอบอาวุธเคมีระหว่างประเทศ

          ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกัน(CDC)ของสหรัฐฯระบุว่า อาวุธเคมีที่มีส่วนผสมจากคลอโรพิรินเคยใช้กันอย่างแพร่หลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ในปัจจุบันไม่มีการใช้อาวุธเคมีชนิดนี้เพื่อวัตถุประสงค์ในทางทหารอีกต่อไป ส่วนใหญ่ใช้ในอุตสาหกรรมเกษตร มีฤทธิ์ต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น ปอดอักเสบ ระคายตา ผิวหนัง และคลื่นไส้ อาเจียนและโรคท้องเสียเป็นเวลาหลายสัปดาห์

#สหรัฐ

#สงครามรัสเซียยูเครน

#คว่ำบาตรรัสเซีย