ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา19.30น.ประจำวันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563

20 กุมภาพันธ์ 2563, 18:46น.


ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา19.30น.ประจำวันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563



ตร.เตือนอย่าทำผิดกฎหมาย ฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญยุบหรือไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่



            การดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกในเรื่องการจัดการจราจรในวันพรุ่งนี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัยยุบหรือไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ตำรวจจัดกำลัง 1กองร้อย หรือ 150 นาย ดูแลความสงบเรียบร้อย จากการประเมินมวลชนที่จะเดินทางมา คาดว่า ตำรวจดูแลความเรียบร้อยได้ เพราะคำตัดสินลักษณะแบบนี้ไม่ใช่การตัดสินครั้งแรก  แต่ฝากไปยังมวลชนที่จะเดินทางมา อย่าทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายเพราะหากทำผิดแล้วต้องถูกดำเนินคดี เป็นความผิดที่ยอมความไม่ได้ ส่วนการข่าว จากการตรวจสอบ ยังไม่พบว่ามีการปลุกระดมมวลชนผ่านโซเชียลมีเดีย ทุกอย่างยังอยู่ในกฎเกณฑ์ แต่ได้กำชับให้ดูเรื่องความประพฤติที่อาจสุ่มเสี่ยงและผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการรวมกลุ่มกันชุมนุมเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไม่ว่าจะเป็นเชิงการเมืองหรือไม่ใช่ก็ตาม ขอให้ทุกฝ่ายเคารพคำตัดสินของศาล ไม่ว่าจะออกมาแบบใด ในส่วนของตำรวจไม่ใช่คู่ขัดแย้งของมวลชนฝ่ายใดแต่มีหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกและดูแลความเรียบร้อยเท่านั้น



             ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้เตรียมสถานที่รองรับสื่อมวลชนและประชาชนที่จะมาเฝ้าติดตามการอ่านคำวินิจฉัยของศาล โดยนำรั้วเหล็กมากั้นกำหนดแนวเขตที่ทำการศาล เพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาภายในบริเวณศาล พร้อมนำจอภาพขนาดใหญ่มาติดตั้งบริเวณโถงหน้าที่ทำการศาลและภายในห้องสื่อมวลชน เพื่อรับชมการถ่ายทอดสัญญาณจากห้องพิจารณาคดี 



           ช่วงเย็น เจ้าหน้าที่จะเริ่มกันพื้นที่ด้านหน้าอาคาร ขณะที่สื่อมวลชนบางสำนักได้นำอุปกรณ์เข้ามาติดตั้ง เพื่อเตรียมความพร้อมการรายงานข่าวการอ่านคำวินิจฉัยคดีดังกล่าว ซึ่งอยู่ในความสนใจของประชาชน



            สำหรับแนวทางปฏิบัติของสื่อมวลชน โดยศาลจะถ่ายทอดผ่านวงจรปิดลงมาบริเวณห้องรับรองสื่อมวลชนและโถงชั้น 2 รวมทั้งขอความร่วมมือสื่อมวลชนปฏิบัติตามระเบียบศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยในที่ทำการศาล พ.ศ. 2562 เช่น กรณีสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าว ขอความร่วมมือสัมภาษณ์นอกเขตที่ทำการศาล และขอความร่วมมืองดเว้นการถ่ายภาพ บันทึกภาพและเสียงหรือกระทำอย่างอื่นในทำนองเดียวกันในที่ทำการศาล



ที่ประชุมสภาฯ มีมติไม่เห็นชอบตั้ง กมธ.วิสามัญหาทางไม่ให้เกิดรัฐประหาร



           การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม  พิจารณาญัตติให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหารขึ้นอีกในอนาคต ที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ เป็นผู้เสนอ ซึ่งได้อภิปรายต่อเนื่องกันมาหลายสัปดาห์



           โดยที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่เห็นด้วยให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหารขึ้นอีกในอนาคต ด้วยคะแนน 242 ต่อ 215 งดออกเสียง 2 เสียง   



              ก่อนหน้านี้ นายปิยบุตร อภิปรายสรุปญัตติว่า ไม่แน่ใจว่าการอภิปรายสรุปญัตติครั้งนี้ จะเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้ายในชีวิตหรือไม่ เพราะชีวิตตอนนี้อยู่ในกำมือของศาลรัฐธรรมนูญ จึงหวังว่าการสรุปญัตติครั้งนี้ จะช่วยโน้มน้าวให้เพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลงมติให้ความเห็นชอบ เพราะญัตตินี้ไม่ใช่วาระของตน หรือพรรคอนาคตใหม่ พรรคฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล แต่เป็นวาระแห่งชาติ ที่สภาผู้แทนราษฎร ต้องร่วมมือกันและขอให้ร่วมกันยกมือเห็นชอบเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกัน



คณะกรรมการโรคติดต่ออุบัติใหม่ เห็นชอบ2มาตรการ ลดการแพร่เชื้อโควิด-19



            ผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน  นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบ 2 มาตรการ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการและเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ให้ความเห็นชอบต่อไป มาตรการที่เห็นชอบ คือ การลดโอกาสการแพร่เชื้อเข้าสู่ประเทศไทยและชะลอการระบาดภายในประเทศ โดยการคัดกรอง เฝ้าระวังผู้ป่วยที่ด่านช่องทางเข้าระหว่างประเทศ จัดระบบการคัดกรองที่สถานพยาบาลทุกแห่งแบบOne Stop Serviceและเฝ้าระวังเชิงรุกในชุมชนในคนไทยที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการรับเชื้อ ได้แก่ ผู้ประกอบการท่องเที่ยว โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว เฝ้าระวังการป่วยในบุคลากรสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ดำเนินการอยู่แล้ว  และเตรียมมาตรการรองรับการระบาดในระยะที่ 3 จะเน้นการควบคุมการระบาดในชุมชน “แยก หยุด เลี่ยง ปิด” โดยให้จัดสถานที่แยกผู้มีอาการทางเดินหายใจในโรงพยาบาลให้เพียงพอ ส่งเสริมการแยกสังเกตอาการที่บ้าน ให้ผู้ที่มีอาการทางเดินหายใจ หยุดงาน หยุดเรียน การทำงานกำหนดมาตรการทำงานที่บ้าน หลีกเลี่ยงงานชุมนุมขนาดใหญ่ การปิดสถานที่ที่มีการระบาดและควบคุมการระบาดในพื้นที่มีคนอยู่จำนวนมาก เช่น โรงเรียน เรือนจำ ค่ายทหาร รวมทั้งพิจารณาประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติเพื่อควบคุมการระบาดในชุมชน



          ส่วนมาตรการที่ 2 เป็นมาตรการให้คนไทยปลอดภัยจากโรค ให้ทุกจังหวัดเตรียมความพร้อมการรักษาพยาบาลร่วมกับโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน เตรียมโรงพยาบาลขนาดใหญ่เพื่อรองรับผู้ป่วยจำนวนมาก กำหนดและจัดทำแผนจัดการพื้นที่ดูแลรักษาผู้ป่วย จัดหาเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อให้เพียงพอ พัฒนาห้องปฏิบัติการโรงพยาบาลจังหวัดและสังกัดอื่นๆ เพื่อลดระยะเวลาในการตรวจวินิจฉัย รวมทั้งการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ในบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วยในโรงพยาบาล 



มีคนเกาหลีใต้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19รายแรก รวมผู้ป่วยเพิ่ม 104 คน



            แถลงการณ์จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้ระบุว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขพบผู้เสียชีวิตรายแรกจากเชื้อโรคโควิด-19 เป็นชายวัย 63 ปีจากเมืองช็องโดทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ นับเป็นรายแรกที่เสียชีวิตในเกาหลีใต้ ระบุว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอยู่ระหว่างตรวจสอบเรื่องสาเหตุการเสียชีวิตว่า มีโรคเรื้อรังอื่นๆด้วยหรือไม่เนื่องจากเป็นผู้ป่วยติดเตียงมากว่า 20 ปี



             นอกจากนี้ เกาหลีใต้พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 53 คน ในจำนวนนี้ผู้ติดเชื้อไวรัสรายใหม่ 35 คนในเมืองแทกู เมืองใหญ่อันดับ 4 ของเกาหลีใต้ ซึ่งนายควอน ยังจิน นายกเทศมนตรีของเมืองเตือนประชาชน 2.5 ล้านคนในเมืองแทกูให้เลี่ยงการไปร่วมงานชุมนุมสาธารณะ เพื่อไม่ให้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ขณะที่ตัวเลขรวมของผู้ป่วยในเกาหลีใต้เพิ่มเป็น 104 คน



            ด้านนายคิม กังลิบ รัฐมนตรีช่วยสาธารณสุขของเกาหลีใต้ ตั้งข้อสังเกตว่าตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ในสัปดาห์นี้เพิ่มกว่า 70 คน พร้อมเตือนว่าเชื้อไวรัสเริ่มแพร่ระบาดในท้องถิ่น แต่ยังจำกัดการระบาดมากในบางท้องที่ ซึ่งหน่วยงานสาธารณสุขจะปรับแนวทางการทำงานในเรื่องมาตรการกักกันและเฝ้าระวังให้ตรงกับลักษณะการระบาดในแต่ละพื้นที่ต่อไป



กทพ. – BEM ขยายสัมปทาน ยุติข้อพิพาทแสนล้าน



            การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ร่วมลงนามในสัญญา แก้ไขสัญญาสัมปทานสองฉบับเป็นที่เรียบร้อย โดยถือเป็นการยุติข้อพิพาท มูลค่า 130,000 ล้านบาท โดยการขยายอายุสัมปทานให้ BEM 15 ปี 8 เดือน โดยทั้งสองฝ่ายจะเร่งดำเนินการถอนฟ้องทุกคดีให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 1 มี.ค. 2563



หุ้นไทยหลุดระดับ 1,500 จุด กังวลเศรษฐกิจไทยชะลอตัว



            ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดวันนี้ที่ระดับ 1,491.24 จุด ลดลง 14.30 จุด มูลค่าการซื้อขาย 75,546.15 ล้านบาท จากความกังวลเศรษฐกิจไทยชะลอตัว เนื่องจากหลายสำนักวิจัยปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปีนี้ลงมาเฉลี่ยมาอยู่ที่ร้อยละ 1.2-1.5  หลังสภาพัฒน์ฯ ปรับลดคาดการณ์ GDP ปีนี้ลงไปลึกมาก และมองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะลดดอกเบี้ยอีกครั้งร้อยละ 0.25 ในการประชุมเดือน มี.ค.และอาจจะปรับลดประมาณการ GDP ลงด้วย



            ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดบวกในวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ และเงินเยนที่อ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2562 ได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกปรับตัวขึ้นด้วย ดัชนีนิกเกอิปิดเพิ่มขึ้น 78.45 จุด ที่ระดับ 23,479.15 จุด



             ดัชนีฮั่งเส็งปิดวันนี้ ปรับตัวลดลง 46.65 จุด ปิดวันนี้ที่ 27,609.16 จุด หลังฟิทช์เรตติ้งคาดการณ์ว่า  ฮ่องกงมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากเศรษฐกิจมีความเชื่อมโยงกับจีนสูงมาก จะทำให้เศรษฐกิจฮ่องกงซบเซาลงอีก จากเดิมที่เศรษฐกิจติดลบอยู่แล้วอันเป็นผลจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาล โดยฮ่องกงมีความใกล้ชิดกับจีนมากทั้งทางเศรษฐกิจและการเงิน ความเคลื่อนไหวจากจีนจึงมีอิทธิพลต่อฮ่องกง



  

ข่าวทั้งหมด

X