ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2563

          นายกฯหลี่ เค่อเฉียงของจีน เดินทางลงพื้นที่เมืองอู่ฮั่น เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ล่าสุดในการควบคุมโรคและพูดคุยกับผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เปิดเผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในมณฑลหูเป่ย ซึ่งรวมถึงเมืองอู่ฮั่น เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 81 ศพ ขณะที่ จำนวนผู้ติดเชื้อโดยรวมที่ได้รับการยืนยันในจีนเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2,744 ราย ประมาณครึ่งหนึ่งอยู่ในมณฑลหูเป่ย รัฐบาลจีน สั่งปิดเมืองอู่ฮั่น ไม่ให้มีการเดินทางเข้าออกเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด พร้อมประกาศระงับบริการวีซ่าและหนังสือเดินทางสำหรับพลเมืองจีนเป็นการชั่วคราวจนถึงวันที่ 30 ม.ค. ขณะเดียวกัน รัฐบาลจีน ประกาศว่า จะขยายเวลาวันหยุดเนื่องในเทศกาลตรุษจีน โดยให้สิ้นสุดวันที่ 2 ก.พ. จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 30 ม.ค.

จีนให้กำลังใจกันช่วยแก้สถานการณ์ไวรัสโคโรนา

         บุคลากรทางการแพทย์กว่า 130 คนจากเมืองฉงชิ่ง ของจีน เข้าเสริมทัพในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนาในเมืองอูฮั่น มีการเปิดเผยภาพประทับใจครอบครัวเดินทางมาส่งให้กำลังใจบุคคลอันเป็นที่รักพร้อมอวยพรให้ปลอดภัยกลับมา บรรยากาศที่สนามบินนานาชาติฉงชิ่ง เจียงเป่ย ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน มีบรรยากาศของการให้กำลังใจซึ่งกันและกันระหว่างครอบครัวและบุคลากรทางการแพทย์ที่เดินทางไปช่วยผู้ป่วย

หุ้นไทย ปิดตลาดร่วงลงแรง 45 จุด ห่วงไวรัสโคโรนา

          นอกจากนี้ ตลาดหุ้นไทย ได้รับผลกระทบจากการเมืองในประเทศ  โดยศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการเสียบบัตรแทนกันของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการโหวตมติร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ในวันที่ 29 ม.ค.นี้ รวมถึงกรณีที่สหรัฐฯเตรียมตัดสิทธิจีเอสพีสินค้าไทย เพิ่มความกดดันให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าตั้งแต่สิ้นปีจนถึงปัจจุบันร้อยละ 2.3 การปรับตัวลงของตลาดหุ้นไทยในวันนี้ถือว่าแรงมากเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี 1 เดือนหากเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค  ขณะที่ ญี่ปุ่น ลดลงร้อยละ 2  อินโดนีเซีย ลดลงร้อยละ 1.8  

          การลงทุนในตลาดหุ้นนิกเกอิ โตเกียว ญี่ปุ่นลดลง 483.67 จุด ปิดที่ 23,343.51 จุด ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หุ้นกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ดิ่งลงอย่างหนัก จากความกังวลเรื่องไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่  ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุดชดเชยวันตรุษจีน เช่นเดียวกับตลาดหุ้นจีน และตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดทำการเช่นกัน

พณ. ชี้แจงไทยส่งออกไปหูเป่ยน้อย คาดจีนออกมาตรการกระตุ้นศก.เพิ่ม

          น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์  เปิดเผยว่า สนค. ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในประเทศจีนอย่างใกล้ชิด สถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ทั่วโลกมีความกังวลว่าในระยะสั้นจะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนและโลก แต่รัฐบาลจีนมีการดำเนินการอย่างรวดเร็ว เป็นรูปธรรม และมีความชัดเจนที่ต้องการคุมสถานการณ์ให้ได้รวดเร็วมากที่สุด ประกอบกับจีนมีประสบการณ์ในการรับมือกับการแพร่ระบาดจากไวรัสซาร์ส ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2545 ปัจจัยเหล่านี้จะสนับสนุนให้รัฐบาลจีนสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และคาดว่ารัฐบาลจีน จะดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตามมา เพื่อหลีกเลี่ยงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และรักษาโมเมนตัมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังจากได้รับปัจจัยบวกจากการลงนามข้อตกลงทางการค้าระยะแรก (Phase-1 Deal) ระหว่างจีนและสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2563

          มณฑลหูเป่ย มีประชากรจำนวน 60 ล้านคน มีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันที่ 7 ของจีน สัดส่วน GDP ประมาณร้อยละ 4.3 โดย 3 มณฑลที่มีเศรษฐกิจใหญ่สุดของจีน ได้แก่ กวางตุ้ง (ร้อยละ 10.7) เจียงซู (ร้อยละ 10.25) และซานตง (ร้อยละ 7.3) ตามลำดับ 

          การส่งออกของไทยไปมณฑลหูเป่ย มีมูลค่าค่อนข้างน้อย ต่ำกว่าร้อยละ 1.0 ของการส่งออกทั้งหมดไปจีน โดย 3 เมืองส่งออกสำคัญของไทย ได้แก่ กวางตุ้ง (ร้อยละ 28.0) เซี่ยงไฮ้ (ร้อยละ 26.0) และซานตง (ร้อยละ 14.0) ตามลำดับ 

          ด้านการส่งออกจากไทยไปจีนในปี 2562 มีมูลค่า 29,172 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 3.78 เนื่องจากผลกระทบของสงครามการค้า อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 สนค. คาดว่าการส่งออกไปจีนจะกลับมาขยายตัว หลังจากการส่งออกครึ่งปีหลังมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเดือนธันวาคม 2562 ที่การส่งออกไปจีนขยายตัวร้อยละ 7.3 สูงสุดในรอบ 18 เดือน โดยมีสินค้าสำคัญที่จะขับเคลื่อนการส่งออกไปจีนในปี 2563 เช่น ผลไม้สดแช่แข็ง และผลไม้แห้ง ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง เครื่องสำอาง รถยนต์และส่วนประกอบ รถจักรยานยนต์ และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น

         การค้ากับจีนยังสามารถดำเนินการได้ตามปกติ จีนเป็นตลาดหลักสำหรับการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารของไทย เช่น ยางพารา มันสำปะหลัง ผลไม้สดแช่แข็งและแห้ง ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์และมาตรการของจีนรวมทั้งประเทศในภูมิภาคอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันและบรรเทาไม่ให้สถานการณ์ส่งผลกระทบเสียหายต่อการส่งออกไทย และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยังจำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากข้อมูลของไวรัสโคโรนายังมีจำกัด แต่คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในระยะสั้น และไม่กระทบต่อการส่งออกไปจีนอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับในปี 2563 กระทรวงพาณิชย์ได้วางแผนในการทำตลาดจีนอย่างต่อเนื่อง โดยจะเข้าร่วมงานแสดงสินค้า SMEs นานาชาติ (China International SME Fair: CISMEF) ในเมืองกว่างโจว (มิถุนายน 2563) และงานมหกรรมแสดงสินค้าจีน-อาเซียน (China-ASEAN Expo) ในเมืองหนานหนิง (กันยายน 2563) ซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลให้การส่งออกไปจีนชะลอตัว และจะเร่งกระตุ้นการส่งออกสินค้าศักยภาพของไทยที่ขยายตัวสูงในตลาดจีน โดยเน้นทั้งเมืองใหญ่และการเจาะตลาดลึกในรายมณฑล เป็นต้น

นายกฯเตรียมตั้งคณะกก.รับฟังข้อเสนอจากภาคอุตสาหกรรม คาดศก.โต 3.8%

          พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เตรียมตั้งคณะกรรมการเพื่อรับฟังข้อเสนอจากภาคอุตสาหกรรม จะได้หาแนวทางสนับสนุนและส่งเสริมศักยภาพเอกชน ในการร่วมกันพัฒนาประเทศ ยกระดับภาคอุตสาหกรรมของไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง แม้ขณะนี้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว คาดการณ์เศรษฐกิจประเทศในปี 2563 จะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ตัวเลขอัตราการเติบโตน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.8 แต่ส่วนตัวคาดหวังให้เกินร้อยละ 4 ขึ้นไป แม้ต้องเผชิญหลายปัจจัย เช่น ล่าสุดเกิดโรคอุบัติใหม่มีการพัฒนาของเชื้อโรค ระบาดจนส่งผลกระทบการท่องเที่ยว จึงต้องเตรียมมาตรการรองรับ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสุขภาพของคนไทย พร้อมขอภาคอุตสาหกรรมใช้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็ง จัดหาเครื่องจักรมาใช้ปรับปรุงการทำงานด้วย 

คนร้ายที่ขับรถชนเพื่อนบ้าน อ้างถูกท้าทายและโมโห ขอติดคุกจนตาย