ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.วันพุธที่ 11 ธันวาคม 2562

11 ธันวาคม 2562, 06:18น.



ธ.ก.ส.เสนอครม.ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวผ่าน 3 โครงการ



          นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.จะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณามาตรการดูแลเกษตรกรผู้ปลูกข้าว วงเงินรวม 51,000 ล้านบาท ผ่าน 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวปี 2562/2563 สำหรับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนปลูกข้าว 4.57 ล้านครัวเรือน วงเงินรวม 26,000 ล้านบาท จะช่วยเหลืออัตราไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ แต่จะต้องไม่เป็นเกษตรกรที่เคยได้รับความช่วยเหลือจากปัญหาภัยแล้งที่มีจำนวน 1.9 ล้านไร่ พร้อมทั้งให้โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี 2562/2563 รวม 1 ล้านตัน วงเงินรวม 10,000 ล้านบาท ช่วยเหลือในอัตราตันละ 1,500 บาท เพื่อให้เกษตรกรชะลอการขายข้าวออกสู่ตลาด ลดปัญหาราคาข้าวตกต่ำในช่วงฤดูการผลิต ส่วนใหญ่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการจะเป็นเกษตรกรจากภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงโครงการสินเชื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร และวิสาหกิจชุมชน วงเงินรวม 15,000 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี ผ่อนชำระไม่เกิน 15 เดือน  สินเชื่อทั้งหมดจะใช้เงินของ ธ.ก.ส.เป็นผู้ดำเนินการ แต่รัฐบาลจะชดเชยเงินช่วยเหลือ



          ความคืบหน้าการจ่ายวงเงินการประกันรายได้เกษตรกรทั้งผู้ปลูกข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และมันสำปะหลัง ขณะนี้จ่ายเงินไปแล้ว 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการจ่ายเงินในโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตผู้ปลูกข้าวนาปี 2562/2563 จำนวน 23,000 ล้านบาท และอีก 27,000 ล้านบาท สำหรับโครงการประกันรายได้พืชทั้ง 4 ชนิด วงเงินรวมของการประกันรายได้ทั้งหมดที่จะต้องใช้ ครม.เคยอนุมัติไว้ที่ 82,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ธ.ก.ส.พร้อมช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด หากมติ ครม. ให้มีการประกันรายได้เหมือนพืชประเภทอื่นเช่นกัน



กรมการจัดหางาน เปิดให้คนทำงานที่บ้านกู้เงินซื้ออุปกรณ์ วัตถุดิบ



          นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กล่าวถึง กรณีของขวัญปีใหม่กระทรวงแรงงาน ที่มีการให้กู้ยืมเงินกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0 ต่อปี ว่าส่งเสริมการสร้างงานให้แรงงานนอกระบบในรูปแบบของการรับงานไปทำที่บ้าน ให้ผู้ที่สนใจเป็นผู้รับงานได้มีการรวมกลุ่มกันและมีกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน ซึ่งเป็นกองทุนหมุนเวียนเพื่อให้ผู้รับงานไปทำที่บ้านได้กู้ยืมไปซื้อวัตถุดิบและอุปกรณ์การผลิตหรือขยายการผลิตเพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้อย่างยั่งยืน ดังนั้น ของขวัญปีใหม่ 2563 จึงมอบโครงการ “สร้างสุขแก่ผู้รับงานไปทำที่บ้านและชุมชน”



          คุณสมบัติของผู้กู้จะต้องเป็นผู้รับงานไปทำที่บ้านที่จดทะเบียนไว้กับกรมการจัดหางาน ต้องมีกิจกรรมส่งเสริมด้านการลดการใช้พลาสติกหรือวัสดุที่สร้างขยะมลพิษ หรือต้องไม่มีกิจกรรมที่เป็นการทำลายสภาพแวดล้อมหรือกิจกรรมที่สร้างมลพิษ และมีผลการดำเนินการและมีรายได้จากการรับงานไปทำที่บ้านหรือมีหลักฐานการรับงานไปทำที่บ้านจากผู้จ้างงาน ซึ่งมีทั้งประเภทบุคคลและกลุ่มบุคคล โดยประเภทบุคคลต้องมีทรัพย์สินหรือเงินทุนไม่น้อยกว่า 5,000 บาท ส่วนประเภทกลุ่มบุคคลจะต้องมีผู้นำกลุ่มและสมาชิกกลุ่มกู้ร่วมกันไม่น้อยกว่า 5 คน มีทรัพย์สินหรือเงินทุนในการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มรวมกันไม่น้อยกว่า 10,000 บาท วงเงินกู้สำหรับบุคคลไม่เกิน 50,000 บาท ระยะเวลาชำระคืนภายใน 2 ปี ขณะที่กลุ่มบุคคลมีวงเงินกู้ไม่เกิน 200,000 บาท ระยะเวลาชำระคืนภายใน 5 ปี เริ่มกำหนดระยะเวลายื่นคำขอกู้ได้จนถึงวันที่  29 กุมภาพันธ์ 2563 ที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 สำนักงานจัดหางานจังหวัดในพื้นที่ที่ผู้รับงานไปทำที่บ้านได้จดทะเบียนไว้กับกรมการจัดหางาน สายด่วน กระทรวงแรงงาน 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน



เริ่มลงทะเบียน ‘100 เดียวเที่ยวทั่วไทย’ วันแรก จำกัดวันละ 10,000 คน 



          วันนี้ โครงการ "100 เดียวเที่ยวทั่วไทย" เปิดให้ประชาชนรับสิทธิ์ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมส่งมอบเป็นของขวัญให้คนไทยในช่วงปลายปีนี้ โดย ททท. เตรียมของขวัญจำนวน 40,000 รายการ ไว้ให้คนไทยได้เที่ยวในราคา 100 บาท เช่น บัตรโดยสารเครื่องบิน, โรงแรมที่พัก, ร้านอาหาร, รถทัวร์, รถเช่า, สปา แพ็กเกจท่องเที่ยว (One Day Trip) และสวนสนุกต่างๆ ทั่วไทย เริ่มเปิดให้ลงทะเบียน 06.00 น. สำหรับผู้ที่มีสิทธิ์ซื้อของขวัญจากโครงการต้องเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปในวันที่ลงทะเบียน และใช้สิทธิ์นอกจังหวัดที่ปรากฏในบัตรประชาชน โดย 1 คนมีสิทธิ์ซื้อได้ 1 รายการ โดยต้องซื้อผ่านทางเว็บไซต์โครงการ www.100เดียวเที่ยวทั่วไทย.com เท่านั้น สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนไม่ทัน สามารถลงทะเบียนได้ในวันที่ 12 ธันวาคม 2562 จำกัดจำนวนผู้ลงทะเบียนเพียงวันละ 10,000 คนเท่านั้น หากครบจำนวนจะปิดรับสิทธิ์ทันที โดยต้องเดินทางภายใน 31 ธันวาคม 2562 เท่านั้น



ศาลอาญา อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีค้ามนุษย์และคดีแจ้งความเท็จ



          การพิจารณาคดีที่ศาลอาญาวันนี้ ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีค้ามนุษย์ พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีค้ามนุษย์ 1 เป็นโจทก์ฟ้องนายไมเคิล เพิร์ล อายุ 47ปี ชาวซูดาน สัญชาติออสเตรเลีย นายแคสสัน วาคีย์ อายุ 38ปี  สัญชาติซีเรีย นายฉลาด หรือชัยรัตน์ นราจันทร์ อายุ 64 ปี นายอารีย์ หรือชยากร เอี่ยมสารี อายุ 42 ปี และ นางฮานา เตายูรี อายุ 39 ปี สัญชาติโมร็อกโค ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-5 ร่วมกันค้ามนุษย์ เป็นธุระจัดหาให้มีการค้าประเวณี คดีนี้เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 11ตุลาคม 2559 -26 มีนาคม 2560 จำเลยวางแผนแบ่งหน้าที่กันทำบังคับล่อลวงหญิงสาวชาวโมร็อกโค  4 คนมาค้าบริการทางเพศที่สถานบันเทิงย่านนานาเหนือ ศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำคุกนายไมเคิล จำเลยที่ 1  รวม 19 ปี ส่วนจำเลยอื่นๆจำคุกคนละ16 ปี



          ส่วนอีกคดี ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาคดีแจ้งความเท็จ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางมณตา หรือไก่ หยกรัตนกาญ อายุ 62 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่เพื่อเพื่อกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นต้องรับโทษทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137,172,173,174 กรณีนี้เมื่อวันที่ 3 - 8 ธันวาคม 2558 จำเลยแจ้งความกับ ร.ต.อ.ปกป้อง ฟองเลา พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่นว่า เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2558 ผู้เสียหายซึ่งเป็นสาวใช้ได้ขโมยทรัพย์สิน 7 รายการของจำเลยที่เก็บไว้ในห้องพักที่คอนโดประชานิเวศน์ จากการตรวจสอบพบว่าเป็นการแจ้งความเท็จเป็นการกลั่นแกล้งให้ผู้เสียหายต้องรับโทษทางอาญา จำเลยได้นำทรัพย์สินดังกล่าวไปจำนำไว้ที่โรงรับจำนำ



8 เอ็นจีโอ จี้รัฐบาล เลิกเสิร์ฟหูฉลามในงานเลี้ยง



          เสียงวิจารณ์การเสิร์ฟซุปหูฉลามตุ๋นหม้อดินที่งานเลี้ยงอาหารค่ำระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม องค์กรไวล์ดเอด จับมือกับอีก 7 องค์กรอนุรักษ์สัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอความร่วมมือรัฐบาลสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการปกป้องฉลามด้วยการเลิกเสิร์ฟหูฉลามในงานเลี้ยงของรัฐทุกรูปแบบ บ่ายวันนี้ ป้อง ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ ในฐานะทูตด้านฉลามองค์กรไวล์ดเอด เตรียมยื่นข้อเรียกร้องนี้ ที่จุดบริการประชาชน ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี  



          ไวล์ดเอด และองค์กรทั้ง 7 ประกอบด้วย มูลนิธิสืบนาคะเสถียร, กรีนพีซ ประเทศไทย, กลุ่มเนเจอร์เพลิน, องค์กรชาร์ค การ์เดี้ยน, มูลนิธิรักสัตว์ป่า, สมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย และแมนตา ทรัสต์ (ประเทศไทย) มีความเห็นพ้องต้องกันว่า การเสิร์ฟเมนูหูฉลาม เป็นตัวอย่างของการสนับสนุนการบริโภคเมนูจากสัตว์ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ ทำให้ฉลามโลกมีจำนวนลดลง บางสายพันธุ์กำลังเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ และยังส่งผลต่อความสมดุลของระบบนิเวศในทะเล ข้อมูลของไวล์ดเอด ระบุว่า ทุกปีฉลามมากถึง 73 ล้านตัวถูกนำไปทำเป็นซุปหูฉลามในงานรื่นเริงต่างๆ เพียงเพราะค่านิยมที่ว่า ซุปหูฉลาม คือ อาหารราคาแพงที่แสดงถึงฐานะทางสังคม ทั้งๆที่ ซุปหูฉลามแต่ละถ้วย ได้มาจากการฆ่าสัตว์ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศ และใน 15 ปี ประชากรปลาฉลามบางสายพันธุ์ลดลงมากราวร้อยละ 90-98



CR:ThonThamrongnawasawat 




 

ข่าวทั้งหมด

X