ศาลอุทธรณ์คดีค้ามนุษย์เพิ่มโทษคนเชียร์แขกวิคตอเรียซีเครท และให้ชดใช้สาวพม่า 160,000 บาท

19 พฤศจิกายน 2562, 13:43น.


          ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีค้ามนุษย์ สถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท ในคดีที่พนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายมนัส อ่วมทับ อายุ 49 ปี และนายสมชาย แสงอุดม อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นพนักงานเชียร์แขก ในความผิดฐานร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีโดยบังคับขู่เข็ญ เป็นธุระจัดหา ชักพาไปหญิงสาวอายุ 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี เพื่อสนองความใคร่ผู้อื่น ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541



          ตามคำฟ้องระบุว่าระหว่างเดือนธันวาคม 2560 จนถึง 12 มกราคม 2561 กลุ่มจำเลย 9 คนกับพวกสมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยตกลงวางแผนและแบ่งหน้าที่กันทำ เพื่อเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไป ผู้เสียหายเป็นหญิงสาวรวม 9 ราย ทั้งคนไทยและคนเมียนมา ซึ่งอายุ 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปี โดยร่วมกันให้ผู้เสียหาย ทำการค้าประเวณีที่สถานอาบอบนวดวิคตอเรีย ถนนพระรามเก้า แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง เพื่อให้ผู้เสียหาย กระทำการค้าประเวณี ยอมรับการกระทำชำเราหรือยอมรับการกระทำอื่นใดเพื่อสนองความใคร่หรือสำเร็จความใคร่ทางกามารมณ์ของผู้อื่น อันเป็นการสำส่อนประพฤติตนไม่สมควร เพื่อสินจ้างหรือประโยชน์อื่นใด เพื่อที่จำเลยกับพวกจะได้แสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีของผู้เสียหายที่เป็นเด็ก แม้ผู้เสียหายยินยอมก็ตาม



          เดิมนายมนัส และนายสมชาย ถูกฟ้องร่วมกับนายศรัทธาธรรม แจ้งฉาย อายุ 67 ปี ผู้จัดการสถานบริการอาบอบนวด กับพวกรวม 9 คนเมื่อเดือนเมษายน 2561 แต่นายมนัส กับนายสมชายให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาจึงแยกสำนวนฟ้องกับกลุ่มที่ปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี



          ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2561 ว่านายมนัสและนายสมชาย มีความผิดฐานเป็นผู้ดูแลกิจการค้าประเวณี และเป็นธุระจัดหาฯให้จำคุก คนละ 46 ปี รับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกไว้ 22 ปี 12 เดือน แต่อัยการโจทก์และจำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ให้ลงโทษสถานเบาหรือรอการลงโทษ



          ศาลอุทธรณ์แผนกคดีค้ามนุษย์ตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า ในข้อหาที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยทั้งสอง ฐานเป็นผู้ดูแลหรือผู้จัดการกิจการสถานค้าบริการประเวณีฯ ซึ่งมีบุคคลอายุ 15 แต่ไม่เกิน18 ปี จำคุก 2 ปี 6 เดือน ความผิดในส่วนนี้คู่ความไม่ได้ยื่นอุทธรณ์คดีส่วนนี้จึงถึงที่สุดแล้ว



          ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้พิจารณาลงโทษสถานเบาหรือรอลงโทษ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำผิดต่อบุคคลจำนวนมาก ซึ่งเป็นการแสวงหาประโยชน์จากบุคคลอายุ 15 แต่ไม่เกิน 18 ปี จากการค้าประเวณีอีกทั้งยังเป็นการกระทำที่อุกอาจ ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองจึงฟังไม่ขึ้น อุทธรณ์ของอัยการโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน พิพากษาแก้เป็น ให้เพิ่มโทษรายกระทงเป็น 2-10 ปี (จากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา กระทงละ 2-5 ปี) โดยข้อหาที่โทษหนักที่สุดคือสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีและเป็นธุระจัดหา บุคคลอายุ 15 แต่ไม่เกิน 18 ปีฯ จำคุก 7 กระทงๆละ 10 ปี เป็นจำคุก 70 ปี โดยรวมกับโทษ ฐานเป็นธุระจัดหาบุคคลให้ค้าประเวณีโดยขู่เข็ญฯ และข้อหาอื่นอีกหลายกระทง



          รวมจำคุกนายมนัส และนายสมชายทั้งสิ้น 120 ปี จำเลยรับสารภาพเหลือโทษจำคุก 60 ปี โดยรวมกับที่ศาลชั้นต้นลงโทษฐานเป็นผู้ดูแลสถานค้าประเวณีฯ 2 ปี 6 เดือน เป็นจำคุก 62 ปี 6 เดือน แต่เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้วให้จำคุกสูงสุด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 เป็นจำคุกคนละ 50 ปี และพิพากษาให้จำเลยทั้ง 2 ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียหายสองรายสัญชาติเมียนมาคนละ 80,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับจากวันฟ้อง 21 เมษายน 2561 (เดิมศาลชั้นต้นยกคำขอชดใช้ค่าสินไหมทดแทน) นอกจากที่แก้ให้เป็นตามศาลชั้นต้น



...

ข่าวทั้งหมด

X