ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 07.30 น.วันอังคารที่ 22 ตุลาคม 2562

22 ตุลาคม 2562, 06:57น.


รัฐบาลแจงเหตุผลเลื่อนพระราชพิธีฯ เพื่อความปลอดภัย



          ที่สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ว่า การเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562 ที่มีการเลื่อนจากวันที่ 24 ตุลาคม 2562 เป็นวันที่ 12 ธันวาคม 2562 โดยจะมีขึ้นในเวลา 15.30 น. และริ้วขบวนจะเป็นดั่งเดิม คือ ใช้ขบวนเรือ 52 ลำ ในการเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร และยังคงเป็นพระราชพิธีที่ยิ่งใหญ่ สวยงามอย่างเดิม โดยจะเสด็จพระราชดำเนินจากท่าวาสุกรี เป็นระยะทาง 3.4 กิโลเมตร (กม.) ไปยังท่าราชวรดิฐ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที



          ทั้งนี้ กองทัพเรือ คำนวณกระแสน้ำต่อวินาทีแล้ว ก่อนที่จะเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นำความกราบบังคมทูลและมีพระราชวินิจฉัยให้เลื่อนไปเป็นวันที่ 12 ธันวาคม 2562  สำหรับเหตุผลของการเลื่อน สรุปได้ 4 ข้อ คือ เพื่อให้เกิดความสง่างาม มีความปลอดภัยของตัวเรือ และปลอดภัยต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยของขบวนเรือ โดยจะเป็นครั้งแรกที่นำเทคโนโลยีเลเซอร์มาใช้ในการควบคุมระยะห่างระหว่างเรือแต่ละลำ และเพื่อลดผลกระทบใด ๆ ที่จะเกิดกับประชาชน



          โดยจะมีการซักซ้อมย่อยอีก 4 ครั้ง และซ้อมใหญ่ (เสมือนจริง) อีก 1 ครั้ง ในวันที่ 9 ธันวาคม จึงขอเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมรับชมได้ สำหรับการซ้อมย่อย 4 ครั้ง ได้แก่วันที่ 12 พฤศจิกายน, 19 พฤศจิกายน, 26 พฤศจิกายน และวันที่ 3 ธันวาคม ขอเชิญชวนประชาชนสวมเสื้อเหลืองโดยพร้อมเพรียงกัน และหากประดับเข็มบรมราชาภิเษกจะเกิดความสวยงามและเป็นระเบียบเรียบร้อย จึงขอเชิญชวนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 12 ธันวาคม ไม่ได้กำหนดให้เป็นวันหยุดราชการ แต่ก็เชิญชวนประชาชนให้มาร่วมในพระราชพิธี



          พล.ร.ท.ไชยวุฒิ นาวิกาญจะ เจ้ากรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ กล่าวว่า กรมอุทกศาสตร์ มีหน้าที่ตรวจวัดกระแสน้ำและระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา อ่าวไทย พบว่ากระแสน้ำในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ที่ได้มีการซักซ้อมย่อยนั้น พบว่ามีอิทธิพลของน้ำทะเลหนุนสูง ประกอบกับอ่าวไทยมีอิทธิพลความกดอากาศ ทำให้น้ำที่ดันเข้ามา มีระดับน้ำสูงมาก อีกทั้ง ความเร็วกระแสน้ำจะสูงมากขึ้นเกือบ 40 เมตรต่อนาที จึงมีผลกระทบต่อเรือในขบวนพยุหยาตรา เนื่องจากเป็นเรือไม้ ไม่ได้ใช้เครื่องยนต์ และเมื่อเวลาพายท่านกบิน แล้วทำให้แทนที่เราจะสามารถเดินหน้าไปหนึ่ง แต่กลับถอยหลังไปสอง ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ต้องมีการขอเลื่อนออกไป



          นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า รัฐบาลมอบหมายกระทรวงวัฒนธรรม สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กองทัพเรือ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดนิทรรศการเพื่อเพิ่มองค์ความรู้อันเนื่องมาจากพระราชพิธี ระหว่างวันที่ 24 ตุลาคม-11 พฤศจิกายน 2562 เช่นเดิม ที่ท้องสนามหลวง โดยแบ่งเป็น 4 โซน คือ นิทรรศการองค์ความรู้พิธีบรมราชาภิเษก ฉายภาพยนตร์เรือจำลองทั้ง 52 ลำ แสดงศิลปวัฒนธรรม โดยในวันที่ 24 ตุลาคม นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานเปิดนิทรรศการด้วยตนเอง ในเวลา 18.30 น. และให้ประชาชนเข้าชมฟรีได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. โดยขอให้แสดงบัตรประชาชนที่จุดคัดกรอง ส่วนนักท่องเที่ยวก็เป็นหนังสือเดินทาง และหากนักเรียน นักศึกษาจะเข้าชมเป็นหมู่คณะ สามารถประสานงานมายังกระทรวงวัฒนธรรมได้



นายกรัฐมนตรีร่วมงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น



          พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และภริยา มีกำหนดการเยือนญี่ปุ่น เพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 21-24 ตุลาคม 2562 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น



          พระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะแห่งญี่ปุ่น จะจัดขึ้นวันที่ 22 ตุลาคม 2562 เวลาประมาณ 13.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (ซึ่งเร็วกว่าเวลาในประเทศไทย 2 ชั่วโมง) ณ ท้องพระโรงมัตซึโนมะ หรือท้องพระโรงใหญ่ ในพระราชวังหลวง กรุงโตเกียว โดยคาดว่าจะมีพระราชอาคันตุกะ และแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมพระราชพิธีกว่า 2,500 คน อาทิ พระประมุขแห่งลักเซมเบิร์ก มกุฎราชกุมารแห่งนอร์เวย์ ประธานาธิบดีไซปรัส อดีตประธานาธิบดีคาซัคสถาน (นาย Nursultan Nazarbayev) ผู้นำจาก 10 ประเทศอาเซียน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสหรัฐอเมริกา เป็นต้น



          จากนั้นในวันที่ 23 ตุลาคม นายกรัฐมนตรีพบหารือทวิภาคีกับนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ณ ทำเนียบรับรองของรัฐบาลญี่ปุ่น และจะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 24 ตุลาคม



ประชุมครม.พิจารณาชิมช้อปใช้เฟส2



          ที่ทำเนียบรัฐบาลวันนี้ เวลา 09.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยจะเป็นการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 2 วาระที่สำคัญคือกระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการชิมช้อปใช้ 2 ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนเพิ่มขึ้น และปรับเวลาเปิดลงทะเบียนจากเที่ยงคืนมาเป็นช่วงเช้า ซึ่งนอกจากการแจกเงินให้ผู้ลงทะเบียนแล้ว ยังเพิ่มสิทธิ์คืนเงิน ซึ่งนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เป้าหมายคือการกระตุ้นให้ใช้เงินกระเป๋าที่สอง หรือเงินส่วนตัวมากขึ้น



          กับยังมีมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์เกี่ยวกับการลดค่าใช้จ่ายในการโอนและจดจำนองการซื้อขายบ้านที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท



          นอกจากนี้ที่ทำเนียบรัฐบาลเวลา 14.30 น. นายคิม เช พง (H.E. Mr. Kim Je Bong) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสเข้ารับหน้าที่



          เวลา 16.00 น. นายโมเชน มุฮัมมะดีย์ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายอนุทิน รองนายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสเข้ารับหน้าที่



ประชุมเตรียมพร้อมจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน



          ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการ ด้านการประชาสัมพันธ์เพื่อเตรียมการจัดการประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมที่เกี่ยวข้องในช่วงที่ไทยดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน ปี 2562 



ประชุม 3 สารเคมีวันนี้ ม็อบหนุน-ค้านจ่อเคลื่อน



          วันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่กระทรวงอุตสาหกรรม ระหว่างเวลา 09.30–14.00 น. ซึ่งจะมีการพิจารณาว่าจะยกเลิกใช้สารเคมี 3 ชนิดในภาคเกษตรกรรมหรือไม่ ซึ่งได้แก่ คลอร์ไพริฟอส พาราควอต และไกลโฟเสต สำหรับการประชุมในวันนี้มีนายภาณุวัฒน์ ตริยางกูรศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานการประชุม ประกอบไปด้วยกรรมการ 29 คน โดยปกติแล้วจะมีการลงมติแบบเปิดเผย ซึ่งจากการที่คาดว่าจะมีทั้งผู้สนับสนุนและคัดค้านมารอฟังผลการประชุมที่กระทรวงอุตสาหกรรมจำนวนมาก ทำให้ทางกระทรวงอุตสาหกรรม ประสานไปยัง สน.พญาไท เพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลความปลอดภัยและความเรียบร้อย โดยจะจัดให้ทั้ง 2 กลุ่มแยกพื้นที่กัน และห้ามอยู่ใกล้ห้องประชุม



          โดยทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงสาธารณสุขต่างมีแนวทางคัดค้านการใช้สารเคมีทางการเกษตร โดยให้มีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าการไม่เอาสารพิษ ไม่ได้เพียงช่วยเกษตรกร แต่ยังช่วยให้ประชาชนทุกคนให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น อย่าเอาเรื่องกำไร ขาดทุนมาคุย เพราะชีวิตคน ตีเป็นตัวเงินไม่ได้ ถึงจะมีเงินมาก แต่หากต้องเก็บไว้รักษาตัวเองคงไม่คุ้ม



...

ข่าวทั้งหมด

X