ทันสถานการณ์โลก 06.30 น.วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน 2561

ในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 33 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้องที่สิงคโปร์ นายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ กล่าวเรียกร้องให้อาเซียนสนับสนุนการเปิดตลาดเสรี พร้อมเตือนว่า แรงกดดันทางการเมืองกำลังทำให้ประเทศเกิดความแตกแยก ซึ่งเขาหมายถึงนโยบายกีดกันการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ  ท่ามกลางข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

สำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียนในครั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางเข้าร่วมการประชุม ซึ่งเจ้าภาพกำหนดแนวคิดหลักคือความยืดหยุ่นและนวัตกรรม (Resilient and Innovative) เพื่อติดตามการดำเนินงานของประเทศสมาชิกอาเซียนในการเสริมสร้างความเข้มแข็งของประชาคมอาเซียนโดยมีนวัตกรรมนำ

นอกจากนี้ ยังมีผู้นำประเทศคู่เจรจาของอาเซียน ได้แก่ ออสเตรเลีย จีน สาธารณรัฐเกาหลี รัสเซีย ญี่ปุ่น อินเดีย สหรัฐอเมริกา และนิวซีแลนด์ รวมทั้งผู้นำจากภาคีภายนอกและองค์การระหว่างประเทศที่เป็นของประธาน ได้แก่ แคนาดาในฐานะประธาน G7 ชิลีในฐานะประธานความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (Asia – Pacific Economic Cooperation: APEC) ในปี 2562 และ กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) เข้าร่วมการประชุมด้วย

การประชุมในครั้งนี้จะมีการรับรองเอกสาร 7 ฉบับ อาทิ ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 24 และร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 14

สื่อเกาหลีเหนือประณามภารกิจซ้อมรบร่วมระหว่างกองทัพเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ ว่าเข้าข่ายละเมิดข้อตกลงผ่อนคลายความตึงเครียดที่รัฐบาลสองประเทศเพิ่งมีการลงนาม

โดยในเวลาเดียวกัน กองทัพเกาหลีเหนือและใต้รื้อถอนป้อมทหาร 20 แห่งตามแนวชายแดน บริเวณหมู่บ้านปันมุนจอมในเขตปลอดทหาร หรือดีเอ็มซี เพื่อลดความตึงเครียดทางการทหาร โดยในข้อตกลงทั้ง 2 ฝ่ายจะรื้อถอนป้อมทหารทางฝ่ายตนเหลือฝ่ายละ 1 แห่งในเขตความมั่นคงร่วม หรือ เจเอสเอ กับป้อมกองบัญชาการสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นซี

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ระดับคณะทำงานของเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือเริ่มการประชุมที่เมืองแกซองของเกาหลีเหนือ เพื่อกำหนดวันเวลาในการสำรวจเส้นทางถนนข้ามแดนระหว่างสองประเทศ เพื่อพัฒนาและเชื่อมต่อเส้นทางข้ามแดน

ส่วนสถานการณ์ไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 31 คน สูญหายอีกมากกว่า 200 คน ประชาชนมากกว่า 250,000 คนได้รับคำสั่งให้อพยพ โดยไฟป่าที่เกิดขึ้นทั้งทางเหนือและใต้ของรัฐ ทำลายพื้นที่ไปแล้วเกือบ 2 แสนเอเคอร์ ทางการท้องถิ่นคาดว่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์เพื่อดับไฟป่า

นายเจอร์รี่ บราวน์ ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย แถลงว่า ไฟป่าที่เกิดขึ้นเป็นสถานการณ์ที่ผิดปกติ และจะเกิดขึ้นต่อไปอีก 10-15 ปี จึงเรียกร้องให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศภาวะภัยพิบัติเพื่อให้รัฐบาลกลางสามารถสนับสนุนงบประมาณฉุกเฉินและช่วยเหลือประชาชนในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดี ทรัมป์ วิจารณ์ทางการแคลิฟอร์เนียว่า บริหารพื้นที่ป่าผิดพลาดจนทำให้เกิดไฟป่า ร้ายแรง ทั้งขู่ว่าจะตัดงบประมาณสนับสนุน ทำให้นายไบรอัน ไรซ์ ประธานสมาคมนักดับเพลิงอาชีพแคลิฟอร์เนีย ตอบโต้ว่าประธานาธิบดี ไม่รู้จริง ไม่รู้จักกาละเทศะ ดูหมิ่นผู้ประสบภัยและเจ้าหน้าที่ดับเพลิง

เวิลด์ อิโคโนมิค ฟอรั่ม (WEF) ระบุในรายงานว่า ความปลอดภัยในโลกไซเบอร์, การปรับตัวผันผวนของราคาพลังงาน และความล้มเหลวของระบบธรรมาภิบาล เป็นส่วนหนึ่งของภัยคุกคามครั้งใหญ่ต่อภาคธุรกิจในปีนี้ โดยในการสอบถามผู้บริหารของภาคเอกชนมากกว่า 12,000 รายทั่วโลกเกี่ยวกับสิ่งมองว่าเป็นภัยคุกคามสูงสุดต่อการทำธุรกิจ พบว่า ผู้บริหารในยุโรป และประเทศในเขตเศรษฐกิจก้าวหน้า มองว่าการโจมตีทางไซเบอร์ เป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่ง

ในขณะที่ ผู้บริหารในละตินอเมริกามองว่าการไม่มีระบบธรรมาภิบาลถือเป็นภัยคุกคามสูงสุด

ส่วนในภูมิภาคยูเรเซีย, ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ ระบุว่า การปรับตัวผันผวนของราคาพลังงานเป็นภัยคุกคามสูงสุดต่อการทำธุรกิจ

ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 26 เซ็นต์ ปิดที่ 59.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 6 เซ็นต์ ปิดที่ 70.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

หุ้นสหรัฐฯ ดาวโจนส์ ลดลง 602.12 จุด หรือร้อยละ 2.32 ปิดที่ 25,387.18 จุด

เอสแอนด์พี ลดลง 54.79 จุด หรือร้อยละ 1.97 ปิดที่ 2,726.22 จุด

แนสแดค ลดลง 206.03 จุด หรือร้อยละ 2.78 ปิดที่ 7,200.87 จุด

...