องคมนตรี เชิญถุงพระราชทานไปมอบแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จ.ฉะเชิงเทรา

21 กันยายน 2561, 19:12น.


สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งได้รับอิทธิพลจากพายุโซร้อนเบบินคา และพายุใต้ฝุ่นมังคุด พัดผ่านภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้เกิดฝนตกหนาแน่นในพื้นที่ต่างๆ ทำให้บ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง





วันนี้ เวลา 09.00 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายอรรถนิติ  ดิษฐอำนาจ  องคมนตรี เดินทางไปประชุมและติดตามการแก้ไขปัญหาการเกิดอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ณ  ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอบางคล้า  จังหวัดฉะเชิงเทรา เสร็จแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายอรรถนิติ  ดิษฐอำนาจ  องคมนตรี ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์  ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 300 ถุง  ไปมอบแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอบางคล้า ณ  ศาลาการเปรียญวัดบางกระเจ็ด อำเภอบางคล้า 





เสร็จแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายอรรถนิติ  ดิษฐอำนาจ  องคมนตรี  เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 500 ถุง ไปมอบแก่ผู้ประสบอุทกภัย ณ หอประชุมเทศบาลตำบลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา  เพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นและเป็นขวัญกำลังใจ



ในโอกาสนี้ องคมนตรี ได้เชิญพระราชกระแสความห่วงใยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปกล่าวกับราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการเกิดอุทกภัยให้ได้รับทราบ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานอาหารเลี้ยงราษฎรที่เดินทางมารับถุงพระราชทานด้วย ต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ 



จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้รับอิทธิพลจากพายุโซนร้อนเบบินคา และพายุไต้ฝุ่นมังคุด แผ่ปกคลุมทำให้เกิดฝนตกติดต่อกันหลายวัน ในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำบางปะกง ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2561 ประกอบกับ ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไป บางอำเภอเป็นที่ราบติดชายฝั่งทะเล บางอำเภอเป็นพื้นดิน และในอำเภอสนามชัยเขตและอำเภอพนมสารคาม ครึ่งหนึ่งของพื้นที่มีสภาพเป็นลูกคลื่นเป็นพื้นที่ภูเขาและสูงชัน กับอีกบางอำเภอเป็นที่ลุ่มอยู่ติดแม่น้ำบางปะกง ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่ง ท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่ทางการเกษตร ได้รับความเสียหาย ใน 7 อำเภอ 23 ตำบล 147 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับผลกระทบ จำนวน 2,389 ครัวเรือน และราษฎรเสียชีวิต 1 ราย





 



 

ข่าวทั้งหมด

X