สรุปข่าวเที่ยง/พล.อ.ชวลิตเสนอตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล/ไม่ออกหมายเรียกพ่อสันธนะ/ประชุมแก้ปัญหาจยย.วิน-เกร็บไบค์

ข่าวเที่ยงครึ่งวัน 12.30

+++ 4 ปี คสช.พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้ติดตามมาตลอด และมองว่า พยายามทำงานเพื่อประชาชน แต่ก็ยังไม่ตรงใจ ส่วนตัวได้มีการพูดคุยกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยบอกให้ทำเพื่อประชาชน ก็อาจจะเป็นหนทางให้สามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้ แต่จะได้กลับหรือไม่ ส่วนตัวไม่สามารถทำนายได้ล่วงหน้า แต่ฟังจากน้ำเสียงก็ทราบดีว่า นายทักษิณ อยากกลับประเทศไทย พร้อมกับปฏิเสธว่า ได้พูดคุยกับนายทักษิณบ่อยหรือไม่

สำหรับรัฐบาลแห่งชาติจะสามารถเกิดได้หรือไม่ พล.อ.ชวลิต เชื่อว่า หากมีการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เพราะนักการเมืองยังขัดแย้งกันแล้วเหตุการณ์ก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ที่จะต้องเกิดขึ้น คือ รัฐบาลเฉพาะกาล ที่จะมีหน้าที่แก้ไขปัญหาโดยเฉพาะ และอยู่ไม่กี่เดือน ก็กลับไปสู่การเลือกตั้ง

+++ความคืบหน้าการปราบปรามผู้มีอิทธิพลเก็บค่าคุ้มครองผู้ค้าตลาดใหม่ดอนเมืองจับกุม พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ที่ปรึกษาตลาดกับพวกคดีกรรโชกทรัพย์ ลามไปถึงการดำเนินคดีกับพ่อสันธนะ ข้อหาให้ที่พักพิงผู้ต้องหา ซึ่งคนในครอบครัวมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ล่าสุดรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว บอกว่าจะไม่มีการดำเนินคดีกับพ่อแม่ของสันธนะแล้ว ส่วนกรณีที่ตำรวจออกหมายเรียกพ่อสันธนะ สอบถามไปยังผู้กำกับ สน.โชคชัย พบว่าเป็นเพียงการตรวจสอบเท่านั้น และไม่เข้าข่ายการกระทำผิด จึงไม่มีการดำเนินคดีใดๆ ทั้งสิ้น ล่าสุด พ.ต.อ.สุพล ค้ำชู ผกก.สน.โชคชัย ได้ออกมาเปิดเผยว่า ไม่เคยมีการออกหมายเรียก พ.ต.อ.(พิเศษ) สมชาย  พ่อของพ.ต.ท. สันธนะ หรือบุคคลใด ให้มาพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 18 พ.ค. แต่อย่างใด จึงอยากจะขอให้ตรวจสอบข่าวดังกล่าวด้วย

+++พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 และในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยหลังมีการแจ้งความดำเนินคดีกับพรรคเพื่อไทย หลังการแถลงข่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน เมื่อฝ่ายกฎหมายพบว่า อาจจะเข้าข่ายผิดกฏหมาย หรือขัดคำสั่ง คสช. ส่วนหลังจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจดำเนินการต่อไป ยืนยัน คสช. ไม่ได้มีอคติ หรือเลือกปฏิบัติกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น

+++ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ยังคงยืนยัน ขออนุญาตจัดกิจกรรม ชุมนุมอยู่จริง ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจะเคลื่อนขบวนมายังทำเนียบรัฐบาลด้วย ซึ่งฝ่ายความมั่นคงก็พยายามประสานงาน เพื่อดูแลให้เกิดความเรียบร้อยที่สุด ขอความร่วมมือไม่ให้เคลื่อนขบวน ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาราชการ โรงเรียนเปิดภาคเรียนแล้วจะกระทบกับการจราจร แต่หากมีการเคลื่อนขบวนออกมาจริงก็จะดูแลให้ดีที่สุด ไม่ให้เกิดความขัดแย้ง หรือกระทบกระทั่งกันโดยใช้กฏหมายปกติ และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแล

+++ปัญหาจักรยานยนต์รับจ้าง กับ เกร็บไบค์พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการแก้ปัญหาการจราจรและการคมนาคมขนส่งที่ คสช. กำลังดำเนินการและยังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ว่า กำลังพูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกัน แต่วันนี้จะทราบผลชัดเจนหรือไม่นั้น ต้องทำให้เกิดความชัดเจน

+++นางสาวศกลรัตน์ วรอุไร หรือ โฟร์ นักร้องนักแสดง พร้อมด้วยผู้จัดการส่วนตัว เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม หลังถูกออกหมายเรียก กรณีรับรีวิวสินค้าให้บริษัทในเครือ "เมจิก สกิน”  ซึ่งสินค้าที่โฟร์รีวิวโฆษณาคือผลิตภัณฑ์ สลิมมิลค์ ที่ระบุว่าสามารถทำให้ลดน้ำหนักได้ ซึ่งขณะเดินทางเข้ามาถึงกองปราบปราม โฟร์ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวด้วยหน้าตายิ้มแย้มเพียงสั้นๆว่า ขอขึ้นไปคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน โดยพลตำรวจเอก วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมาสอบปากคำด้วยตนเอง ซึ่งหลังจากสอบปากคำแล้วเสร็จ ตำรวจจะมีการเปิดเผยรายชื่อเรียกดารา นักแสดง เข้ามาสอบปากคำเพิ่มเติม อีก 4 ราย ในวันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคมนี้ ในสองช่วงเวลา คือ 10:00 น. และ 13:00 น. สุดารัตน์ บุตรพรม  หรือ ตุ๊กกี้ ชิงร้อย (รีวิวผลิตภัฑณ์ วิตามินชิโนบิ) พนักงานสอบสวนนัดเข้าให้ถ้อยคำ เวลา 10:00 น อุ้ม ลักขณา วัธนวงส์ศิริ (รีวิวผลิตภัฑณ์ วิตามินชิโนบิ และ เซรั่ม เมโซ) พนักงานสอบสวนนัดเข้าให้ถ้อยคำ เวลา 10:00 น. ไรบีนา ตันวิมล หรือ นานา ไรบีนา (รีวิวผลิตภัฑณ์ วิตามินชิโนบิ) พนักงานสอบสวนนัดเข้าให้ถ้อยคำ เวลา 13:00 น. และวนิดา เติมธนาภรณ์ หรือ กิ๊บซ่า  เกิร์ลี่ เบอรรี่ (รีวิวผลิตภัฑณ์ เซรั่ม เมโซ) พนักงานสอบสวนนัดเข้าให้ถ้อยคำ เวลา 13:00 น.

+++แพทย์ด้านศัลยกรรมในประเทศไทยออกโรงค้าน พ.ร.บ. สถานพยาบาล พ.ศ. 2559 ที่ให้สถานพยาบาล ต้องขออนุญาตโฆษณา ตรวจอนุมัติก่อน เพื่อป้องกัน โฆษณาโอ้อวดเกินจริงของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เมื่อต้นเดือน พ.ค.  นายแพทย์ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งอาเซียน มองว่า ประกาศดังกล่าวออกมาเพื่อตีกรอบแพทย์หรือผู้ประกอบการที่ทำถูกต้อง หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ ในระยะยาวเราจะเห็นธุรกิจตัวนี้หดตัวลงและส่งผลกระทบในสังคมกว้าง ทางแก้ คือ ควรเขียนกฎหมาย เพื่อควบคุมการโฆษณาของกลุ่มเอเจนซี่ศัลยกรรมให้การบริการที่ได้มาตรฐานทางวิชาการ ส่วนแพทย์ต่างประเทศที่เข้ามาให้คำแนะนำหรือให้คำปรึกษาในประเทศไทยนั้น ต้องออกกฏเกณฑ์ควบคุมที่ชัดเจน โดยศูนย์กลางศัลยกรรมความงามของภูมิภาคอาเซียน ขณะนี้มีเพียง 2 ประเทศเท่านั้น ที่เชี่ยวชาญเรื่องศัลยกรรม คือ ประเทศไทย และประเทศเกาหลี โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีความพร้อมด้านเทคโนโลยี บุคลากรทางการแพทย์ที่มีความชำนาญการ ให้บริการทางการแพทย์ที่มีมาตรฐานสูง ตลอดจนมีความพร้อมด้านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว ส่งผลให้ตลาดศัลยกรรมในประเทศไทย มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องร้อยละ20 ต่อปีไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรก็ตาม