นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานแถลงข่าวกิจกรรมรณรงค์ “Bangkok Car Free Day 2019” ภายใต้คำขวัญ “เดินทางร่วมกัน วันพาหนะส่วนรวม” โดยมีนายสมพงษ์ เวียงแก้ว นายแพทย์พิชญา นาควัชระ นางวิภารัตน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักการจราจรและขนส่ง ผู้บริหารบริษัทกลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ผู้แทนกลุ่มเครือข่าย อาทิ กลุ่มธุรกิจพลังงาน กลุ่มธุรกิจสื่อสาร กลุ่มธุรกิจจักรยาน ร่วมงาน ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า)
ทั้งนี้ กำหนดจัดกิจกรรมรณรงค์ “Bangkok Car Free Day 2019” จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 22 ก.ย.62 เวลา 06.00 เป็นต้นไป ณ ลานสแควร์ A ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เขตปทุมวัน ซึ่งเป็นวันปลอดรถสากล หรือ Word Car Free Day ที่เมืองใหญ่ทั่วโลกจะร่วมกันแสดงเจตนารมณ์ ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล หันมาใช้รถขนส่งมวลชน เพื่อลดปริมาณรถยนต์ในท้องถนน อันส่งผลถึงการลดปัญหามลพิษทางอากาศจากยานพาหนะ สำหรับเส้นทางรณรงค์ ประกอบด้วย 1. ถนนราชดำริ 2. ถนนเพลินจิต 3. ถนนวิทยุ 4. ถนนเพชรบุรี 5. ถนนบรรทัดทอง 6. ถนนพระรามที่ 4 และ 7. ถนนราชดำริ รวมระยะทาง 10.19 กิโลเมตร
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า หลังจากที่กรุงเทพมหานครได้ประสบกับปัญหาด้านการจราจรติดขัดรุนแรง เป็นผลจากความต้องการในการเดินทางของประชาชนที่เพิ่มมากขึ้น และการเดินทางยังต้องพึ่งพารถยนต์ส่วนบุคคลเป็นส่วนใหญ่ กรุงเทพมหานครจึงมุ่งหวังที่จะพัฒนาการเดินทางในกรุงเทพฯ และพื้นที่ต่อเนื่อง ให้เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย จึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาระบบการจราจรและขนส่งอย่างยั่งยืน (Sustainable Transport) มารองรับปริมาณและความต้องการในการเดินทางของชาวกรุงเทพฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งระบบการจราจรและขนส่งอย่างยั่งยืนนี้ ถูกนำไปใช้ในหลายๆ มหานครทั่วโลก และได้ผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม เนื่องจากเป็นการเดินทางที่ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ใช้ระบบขนส่งสาธารณะและขนส่งมวลชนเป็นระบบการเดินทางหลัก จึงสามารถบรรทุกคนได้เป็นจำนวนมาก ช่วยแก้วิกฤตการจราจรบนท้องถนน อีกทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเป็นผลดีกับเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครมุ่งหวังให้ผู้ขับรถยนต์บางส่วนได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทาง เพื่อลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ช่วยลดภาวะโลกร้อน ลดปัญหามลพิษทางอากาศและเสียง บรรเทาปัญหาจราจร และตระหนักถึงความสำคัญ ความจำเป็นในการสนับสนุนการใช้ระบบขนส่งมวลชน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ ต่อไป.