มูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเวทีสาธาณะ "กล้องหน้ารถ อุปกรณ์มาตรฐาน?" เพื่อระดมความคิดเห็นอันนำไปสู่การผลักดันในรูปแบบของนโยบายหรือกฎหมายต่อไป หวังลดจำนวนอุบัติเหตุและผู้เสียชีวิตบนท้องถนน
นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตบนท้องถนนของประเทศไทยยังคงสูงติดอันดับมาโดยตลอด ขณะที่นโยบายการแก้ปัญหายังคงเน้นไปที่การบังคับใช้กฎหมายของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ต่างกับในต่างประเทศที่นำเทคโนโลยีทันสมัยมาช่วยแบ่งเบาภาระ ปัจจุบันผู้ใช้รถใช้ถนนไทยให้ความสนใจในการติดกล้องหน้ารถมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะทราบดีว่าหากเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ต่างๆบนท้องถนน กล้องหน้ารถจะบันทึกข้อมูลที่ใช้เป็นหลักฐาน"ช่วยคนดี-ชี้คนผิด"ได้ จึงเกิดเวทีสาธารณะในวันนี้ขึ้น เพื่อนำความคิดเห็นไปใช้ประกอบการผลักดันนโยบายต่างๆต่อไป

พ.ต.ท.พจน์ ฐาปนดุลย์ สารวัตรกองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจจราจร เปิดเผยว่า กล้องหน้ารถมีส่วนช่วยให้การทำงานของตำรวจง่ายขึ้นมาก จากเดิมที่เมื่อก่อนกว่าตำรวจจะไปถึงจุดเกิดเหตุก็อาจจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายไปหมดแล้ว ไม่เห็นสภาพการที่แท้จริง ทำให้ส่วนใหญ่ต้องจบที่"ประมาทร่วม" ต่างฝ่ายต่างรับผิดชอบค่าเสียหายกันไป แต่เมื่อมีกล้องหน้ารถทำให้อุบัติเหตุหลายครั้งได้เห็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ยิ่งมีมากกว่าหนึ่งมุมก็ยิ่งทำให้การพิจารณาทำได้ละเอียดยิ่งขึ้น

บรรยากาศในเวทีสาธารณะมีผู้แทนจากหลายหน่วยงานมาร่วมกันระดมความคิดเห็น อาทิ ผู้แทนจากสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค ให้ข้อมูลว่าเรื่องร้องเรียนส่วนใหญ่มีกเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคุณภาพรถ หากมีกล้องหน้ารถก็จะช่วยในการพิจารณาได้ , ผู้แทนจากประกันภัย มองว่ากล้องหน้ารถช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น แทบจะตัดสินชี้ผิดถูกได้กันตรงนั้น , ผู้แทนจากหน่วยงานด้านยานยนต์ ระบุว่า หากจะกำหนดเป็นมาตรฐานของรถยนต์ ก็ควรต้องมีมาตรฐานของกล้องควบคู่กันไปด้วย , ข้อเสนอแนะจากผู้เข้าร่วมเพิ่มเติม อาทิ การควบคุมราคากล้องหน้ารถ การติดตั้งกล้องหน้ารถให้เป็นมาตรฐานทุกคันไม่ใช่ออฟชั่นเสริม
.jpg)
ทั้งนี้ประธานในเวทีสาธารณะ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานเครือข่ายนิติบัญญัติเพื่อถนนปลอดภัยในภูมิภาคอาเซียน กล่าวสรุปว่า เป็นที่แน่ชัดว่าความเห็นส่วนใหญ่มองว่ากล้องหน้ารถนั้นมีประโยชน์ในการช่วยบันทึกเหตุการณ์อุบัติเหตุ ขณะเดียวกันยังอาจมีส่วนช่วย"ป้องกัน"การเกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย เพราะหากทุกคนติดกันทุกคัน ก็จะไม่มีใครกล้าทำความผิด ผลสรุปในวันนี้จะนำไปใช้ในการประกอบการพิจารณาด้านนโยบายและนิติบัญญัติต่างๆ แต่หลายครั้งต้องยอมรับว่า หากจะมุ่งเน้นไปที่การบังคับหรือออกเป็นกฎหมาย อาจจะมีข้อติดขัดหรือทำได้ไม่รวดเร็วนัก คงต้องพิจารณาให้ดีว่า มาตรการแบบการใดถึงจะเกิดผลดีที่สุด เช่น อาจเริ่มที่ส่วนราชการก่อน หรือบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ก่อน เพื่อทำเป็นเยี่ยงอย่าง หลังจากนี้จะมีการเชิญผู้แทนหน่วยงานมาหารือเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมในครั้ง