อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ไม่เพียงผู้ป่วยอุบัติเหตุเท่านั้นที่ต้องรับการรักษาอย่างทันท่วงที เมื่อมีผู้ป่วยฉุกเฉินเกิดขึ้นและต้องนำส่งให้ถึงมือแพทย์โดยเร็ว แต่บางพื้นที่ในเขตทุรกันดารที่รถพยาบาลเข้าไปได้ยาก แม้เข้าไปรับได้แต่ต้องใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตระหว่างทาง ดังนั้นจึงมีสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2551 จัดให้มีระบบการแพทย์ฉุกเฉินที่มีมาตรฐานและให้บริการอย่างทั่วถึงเป็นธรรม และมีระบบลำเลียงผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศ (Thai Sky Doctor Service) เมื่อ พ.ศ. 2552 ขึ้นจนถึงปัจจุบัน โดยกระทรวงกลาโหมได้สนับสนุนอากาศยานจากทุกเหล่าทัพ และภาคเอกชนช่วยสนับสนุนภารกิจ
เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (28 ส.ค.62) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนามร่วมมือระหว่างสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย โดยนายอนุทินกล่าวว่า การบริการด้านการแพทย์ฉุกเฉินด้วยเฮลิคอปเตอร์ เป็นเรื่องใหม่สำหรับภาคเอกชน ซึ่งภาครัฐได้ทำมากกว่า 10 ปีแล้ว เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ป่วยฉุกเฉินให้ได้รับการช่วยเหลือได้ทันท่วงที ซึ่งได้ดำเนินการช่วยเหลือตั้งแต่ปี 2552 จนถึง 17 สิงหาคม 2562 มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศยานแล้ว 357 ครั้ง ทำให้สถิติการรอดชีวิตมีสูงมาก ซึ่งในแต่ละครั้งหากพบผู้ป่วยห่างไกลและในพื้นที่ไม่มีแพทย์รักษาเฉพาะทาง จึงต้องย้ายผู้ป่วยข้ามจังหวัด ซึ่งหากเคลื่อนย้ายทางบก เช่นจากแม่ฮ่องสอนไปเชียงใหม่ ต้องใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมง แต่หากลำเลียงทางอากาศยานจะใช้เวลาเพียง 30 นาที
การลำเลียงผู้ป่วยแต่ละครั้งต้องมีค่าใช้จ่ายสูงถึงหลักแสนบาท จึงจำเป็นที่แพทย์ต้องวินิจฉัยว่าผู้ป่วยควรได้รับการเคลื่อนย้ายทางอากาศยานหรือไม่ อย่างไรก็ตามประชาชนจะได้รับการช่วยเหลือฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เกี่ยวกับการเคลื่อนย้าย ทั้งนี้ในเรื่องของจุดจอดรอเตรียมพร้อมของเฮลิคอปเตอร์ อาจจะจอดบริเวณสนามบินทั่วประเทศ และในจุดบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง