ในช่วงหน้าฝนแบบนี้อยากจะขอเตือนทุกท่านถึงโรคที่มากับฝน โดยเฉพาะเด็กเล็กที่ภูมิคุ้มกันร่างกายยังไม่แข็งแรงพอ นั่นคือ โรคมือเท้าปาก โรคที่ควรเฝ้าระวังไม่แพ้ไข้หวัดใหญ่ หรือไข้เลือดออก โดยนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลว่าในปี 2561 ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยมือเท้าปากถึง 34,630 คน ซึ่งในปีนี้ นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมจนถึงวันที่ 17 มิถุนายน พบผู้ป่วยที่เป็นโรคมือเท้าปากแล้ว 1,603 คน โดยร้อยละ 68 เป็นเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 3 ปี!
ด้วยความห่วงใยที่มีให้กับประชาชนโดยเฉพาะเด็กเล็ก นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง เฝ้าระวังการเกิดโรคมือเท้าปาก รวมถึงลงพื้นที่ให้คำแนะนำในสถานศึกษาที่มีเด็กเล็กเยอะ เช่น ศูนย์เตรียมเข้าอนุบาล โรงเรียนอนุบาล และโรงเรียนประถมศึกษา ทั้งนี้ ขอความร่วมมือให้สถานศึกษาที่มีเด็กเล็กทำความสะอาดห้องเรียน ของเล่น ข้าวของเครื่องใช้ โต๊ะ เก้าอี้ ฯลฯ อย่างสม่ำเสมอเพื่อลดความเสี่ยงของโรค
หากมีอาการเช่นนี้ควรพบแพทย์
อาการที่บ่งบอกว่าลูกๆ หลานๆ ของคุณอาจเข้าข่ายโรคมือเท้าปาก ได้แก่ มีไข้ บ่นเจ็บในปาก กลืนน้ำลายลำบาก ไม่อยากกินอาหาร ที่สำคัญสังเกตภายในปากว่ามีตุ่มแผล หรือตุ่มพองสีขาวขุ่นหรือไม่ รวมถึงเป็นตุ่ม กดเจ็บแต่ไม่แตกที่บริเวณนิ้วมือ นิ้วเท้า ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และส้นเท้า ในกรณีที่เป็นเด็กเล็กมากๆ มักมีผื่นนูนสีแดงเล็กที่บริเวณก้น ส้นเท้า และหากเด็กมีอาการแทรกซ้อน เช่น ไข้สูง ซึม อาเจียน หอบ ให้รีบนำเด็กส่งโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาทัน
“มือเท้าปาก” โรคนี้ป้องกันได้
การป้องกันโรคมือเท้าปาก ทำได้ง่ายๆ คือ
- ไม่ควรพาเด็กเล็กไปในที่ที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น สนามเด็กเล่น ห้างสรรพสินค้า ตลาด สระว่ายน้ำ
- ควรอยู่ในที่ที่มีการระบาย หรือถ่ายเทอากาศได้ดี
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรใส่ผ้าปิดจมูก เพื่อป้องกันการไอจามรดกัน
- หากต้องมีส่วนร่วมในเรื่องของอาหารการกิน ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังทำอาหาร ก่อนหรือหลังกินอาหาร และหลังจากขับถ่ายทุกครั้ง ควรล้างมือให้สะอาด
- ที่สำคัญควรใช้ช้อนกลาง รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้แก้วน้ำหรือหลอดดูดน้ำร่วมกัน
อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังไม่มียารักษา หรือวัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปากใดๆ ซึ่งส่วนใหญ่อาจหายเองได้ในเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ การรักษาของแพทย์จึงรักษาไปตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้ ยาแก้ปวด หรือหยอดยาชาในปากเพื่อลดอาการเจ็บแผลบริเวณปาก แต่ทางที่ดีเราควรรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเข้าไว้ อะไรที่ที่ทำแล้วอาจเกิดโรคก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะถึงอย่างไร.. “ความไม่มีโรค ก็เป็นลาภอันประเสริฐสำหรับทุกคน”
ข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
รูปภาพ : Medthai, Hfocus, Khelang, Maerakluke