ในช่วงที่มีฝนตกพรำๆ แทบทุกวันแบบนี้เชื่อว่าบรรดาเห็ดน้อย เห็ดใหญ่ต้องกำลังผุดดอกออกต้นกันเต็มไปหมดอย่างแน่นอน จึงอยากขอเตือนทุกท่านที่ชอบเก็บเห็ดกินเองว่าไม่ใช่เห็ดทุกต้นจะสามารถกินได้!! ยิ่งล่าสุดมีข่าวที่หนุ่มจากจังหวัดน่านเก็บเห็ด แล้วกินเข้าไป ไม่นานก็มีอาการปวดท้อง ท้องเสียหนัก อาเจียน จนต้องหามส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา อย่างนี้ก็แสดงว่าเห็ดที่หนุ่มน่านกินเข้าไปคือเห็ดมีพิษน่ะสิ.. อ้าว แล้วแบบนี้เราจะรู้ได้อย่างไรว่าแบบไหนคือเห็ดพิษ หรือแบบไหนถึงจะเก็บกินได้?
ใครต่อใครก็เรียกฉันว่า “เห็ดพิษ”
ด้วยความห่วงใยจากอธิบดีกรมอนามัย แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร จึงอยากอธิบายถึงเห็ดพิษที่คร่าชีวิตไปหลายต่อหลายคนแล้วก็คือ เห็ดระโงกหิน, เห็ดระงาก (เห็ดสะงาก), และเห็ดไข่ตายซาก ที่มีรูปร่างคล้ายกับเห็ดระโงกที่กินได้ราวกับแกะ ซึ่งสิ่งที่สามารถช่วยคุณให้ห่างไกลจากเห็ดพิษได้ คือสายตาอันกว้างไกลที่จะสังเกตถึงเห็ดที่ไม่ควรเก็บมากิน ได้แก่ เห็ดที่มีลักษณะเป็นสีน้ำตาล เห็ดที่มีปลอกหุ้มโคน เห็ดที่มีวงแหวนใต้หมวก นอกจากนี้เห็ดที่มีโคนอวบใหญ่ มีปุ่มปมบนตัวเห็ด หรือตัวหมวกเห็ดมีสีขาว หรือเป็นรูๆ แทนที่จะเป็นช่องๆ คล้ายครีบปลา รวมถึงเห็ดตูมที่มีเนื้อในสีขาว เห็ดที่ขึ้นในมูลสัตว์หรือใกล้มูลสัตว์ก็ไม่ควรเก็บมากินด้วยเช่นกัน
เห็ดแบบนี้แหละ.. กินดีมีประโยชน์!!
ต้องบอกก่อนว่าจริงๆ แล้วเห็ดมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างมาก เพราะเป็นแหล่งรวมโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น
วิตามินบี : ซึ่งจะช่วยควบคุมการทำงานของระบบย่อยอาหาร
ซิลิเนียม : ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
โปแตสเซียม : ช่วยควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ ควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกาย การทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาทต่างๆ
และที่สำคัญ คือ โพลีแซคคาไรด์ : ซึ่งจะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย คอยทำหน้าที่ทำลายเซลล์แปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย รวมถึงพวกไวรัสและแบคทีเรียอื่นๆ ซึ่งเห็ดที่มีโพลีแซคคาไรด์สูง ได้แก่ เห็ดหอม เห็ดนางรม เห็ดหูช้าง และเห็ดกระดุม เป็นต้น ทั้งนี้ เห็ดที่สามารถนำมากินได้ เช่น เห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดหูหนู เห็ดแชมปิญอง เห็ดโคน เห็ดออรินจิ เห็ดเข็มทอง ฯลฯ
อย่างไรก็ตามทุกครั้งก่อนนำเห็ดมาปรุงอาหาร เราต้องล้างน้ำให้สะอาดหลายๆ ครั้ง หรือเป็นไปได้ก็ควรล้างตามขั้นตอนการล้างผัก แล้วค่อยนำมาปรุงอาหาร ซึ่งก็ต้องปรุงให้สุกทุกครั้งเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
ข้อมูล : กรมอนามัย
รูปภาพ : board.postjung, thaihealth, naewna, honestdocs, beautiful-diet