เมื่อเวลา 13:30 น. ที่ผ่านมา JS100 ร่วมลงพื้นที่ไปยังอนุสาวรีย์ชัยฯ นำโดยสำนักงานสัตวแพทย์สาธารณสุขดินแดง สำนักงานเขตราชเทวี สำนักงานสิ่งแวดล้อมกรุงเทพฯ และสำนักผังเมือง โดยนายศิวะ ไม้สนธิ์ ผอ.สำนักงานสัตวแพทย์สาธารณสุขดินแดง เปิดเผยว่า การเข้าดำเนินการการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ 8 คน แผนการจะเริ่มต้นจากการสำรวจพื้นที่ว่ามีแมวกี่ตัว แล้วอยู่บริเวณใดของพื้นที่ภายในอนุสาวรีย์บ้าง ไม่ว่าจะเป็นด้านนอกอนุสรณ์สถาน อนุสาวรีย์ชัยฯ รวมถึงภายในอุโมงค์อนุสรณ์สถาน และจะเริ่มจับจากด้านนอกอนุสรณ์สถานก่อน จากนั้นจึงจะดำเนินการจับด้านในอุโมงค์ ซึ่งจะต้องดูทางหนีทีไล่ของแมวเพื่อวางกำลังดักจับด้วย ส่วนภายในอุโมงค์ที่มีทั้งความมืด และอากาศค่อนข้างอับ ได้วางแผนว่าจะให้จนท. ลงไปประมาณ 4-5 คน รวมถึงใช้ไฟฉายในการส่องหาให้ตรงกับแนววางสายตาของแมว เนื่องจากตาแมวจะสะท้อนไฟของไฟฉาย ทั้งนี้จนท. ยังได้เตรียมอุปกรณ์ในการจับและกักเก็บแมว ได้แก่ สวิง กรงแมว และเชือกฟางที่เอาไว้ใช้ผูกกรงให้แน่นหนาขึ้น
การจับแมวจรในอนุสาวรีย์ชัยฯ ครั้งนี้ ใช้เวลาจับประมาณ 3 ชม. ซึ่งการจับเต็มไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากเป็นช่วงบ่าย ปกติแล้วแมวจะหลบซ่อนตัว ยิ่งมีการส่งเสียงเอะอะแมวจะยิ่งหลบซ่อน โดยเฉพาะภายในอุโมงค์ที่มีช่องเสาลึกลงใต้ดิน ผลการจับแมวจรครั้งนี้ สามารถจับได้ทั้งหมด 10 ตัว แบ่งเป็น ด้านนอกอนุสรณ์สถาน 9 ตัว และภายในอุโมงค์เพียง 1 ตัว ส่วนแมวจรที่เหลือจะให้จนท. ผู้ดูแลอนุสาวรีย์ชัยฯ ช่วยจับ รวมถึงจะส่งจนท. สัตวแพทย์ฯ มาจับเองด้วย คาดว่าในการจับครั้งหน้าจะมีการวางแผนใหม่ โดยจะเข้าจับตั้งแต่ช่วงเย็นเป็นต้นไป
หลังจากนี้แมวจรที่ถูกจับได้ทั้งหมด จะถูกนำไปไว้ที่กลุ่มควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าสำนักงานสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร เพื่อทำการตรวจสุขภาพและทำหมัน อย่างไรก็ตามสำหรับเจ้าของโพสต์ที่เป็นผู้เริ่มขอความช่วยเหลือ จะนำแมวจรบางส่วนที่จับได้ในวันนี้ไปไว้ที่บ้านพักพิงของตนเองด้วย หรือหากผู้ใดสนใจอยากรับแมวจรไปเลี้ยง สามารถติดต่อได้ที่เจ้าของโพสต์เฟซบุ๊ก ชื่อ Sujinda Kongpet