ธุรกิจจากความเมตตา สงสาร นำเด็กมาเร่ขายของจนกลายเป็นวัฒนธรรมเลียนแบบ

10 มิถุนายน 2562, 14:55น.


     ความเมตตา สงสาร เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อยู่คู่กับสังคมไทยมานาน แต่ทุกวันนี้มีคนบางกลุ่มหากินกับความสงสารของคน จึงเป็นปัญหาการพาเด็ก มาเร่ขายพวงมาลัย ตามแยกไฟแดงหลายแห่ง ไม่เพียงแต่บนถนน ยังลุกลามไปถึงตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ อย่างในกรุงเทพฯ เวลาเราไปทานข้าวในห้างสรรพสินค้ามักจะเจอเด็กใส่ชุดนักเรียนชั้นประถม ถือปากกา หรือพวงกุญแจ เดินมาข้างๆเราแบบไม่รู้ตัวแล้วสะกิดเราแล้วพูดว่า ช่วยหนูซื้อหน่อยค่ะ 20 บาทเอง พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนจนบางครั้ง ก็ต้องปัดความรำคาญด้วยการจ่ายไป แต่รู้หรือไม่ สิ่งที่เราทำไปนั้นเป็นการส่งเสริมให้เด็กทำแบบนี้ต่อไป ไม่เพียงแต่ในห้างสรรพสินค้า ตามสถานที่บันเทิงในตอนกลางคืนก็ยังพบเห็นเด็กที่กระทำอย่างนี้ได้ เมื่อรู้ว่าเป็นสิ่งที่ทำแล้วได้เงิน จึงเกิดเป็นวัฒนธรรมเลียนแบบกันเกิดขึ้น



     อย่างเช่นที่จังหวัดเชียงใหม่ในตอนนี้พบปัญหาการพาเด็ก มาเร่ขายพวงมาลัย ตามแยกไฟแดงหลายแห่ง และเคยพบว่า มีขบวนการนำเด็กๆ มากระจาย ปล่อยลงตามจุดต่างๆ ตามแหล่งที่มีนักท่องเที่ยว โดยมีเงื่อนไขต้องขายของให้ได้เท่าไหร่ จึงจะได้รับค่าตอบแทน ค่าอาหาร



     การขายของบนพื้นผิวจราจร ไม่ว่าจะตามแยกไฟแดง ตามฟุตบาท ทางหลวง มีความผิดทั้งเกี่ยวเนื่องถึง พ.ร.บ.การจราจรทางบก 2522 เรื่อง ห้ามประกอบการค้าบนผิวการจราจรมีโทษ ปรับไม่เกิน 500 บาท พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเมือง พ.ศ. 2535 ปรับไม่เกิน 2 พัน บาท รวมถึง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ถ้าผู้ปกครองให้เด็กมาทำงานดังกล่าว อยู่ในสถานที่เสี่ยงอันตราย หรือเลี้ยงดูไม่เหมาะสม แสวงประโยชน์จากเด็ก จะมีโทษปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือ จำคุกไม่เกิน 3 เดือน

     การมีความเมตา สงสาร เป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง แต่บางครั้งเราส่งเสริมในการกระทำผิดโดยไม่รู้ตัว ทำให้เกิดเป็นวัฒนธรรมเลียนแบบ จนเกิดปัญหาต่อสังคมไม่ควรเพิกเฉย และมองข้ามไป หากพบเห็นต้องแจ้งเบาะแส เพื่อไม่ให้เกิดปมปัญหาวนเวียนแบบนี้อีก



Cr. ข้อมูลและภาพจากเว็บไซต์  : Siamfishing , chiangmainews , bloggang

X