สสส. และภาคเครือข่ายความปลอดภัยทางถนนจับมือสโมสรแบดมินตัน จัดทำธนาคารหมวกกันน็อกในศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จากโครงการ “ตีแบดฯ เพื่อหัวน้อง” มอบหมวกกันน็อกสำหรับเด็กเล็ก ในพื้นที่ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย

01 กันยายน 2566, 14:00น.


      วันที่ 29 สิงหาคม 2566 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. และภาคเครือข่ายความปลอดภัยทางถนน ได้เดินทางไปยังศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก องค์การบริหารส่วนตำบลป่าก่อคำ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย เพื่อมอบหมวกกันน็อกสำหรับเด็ก เสริมสร้างความปลอดภัยให้แก่น้องๆ จาก โครงการ "ตีแบดฯ เพื่อหัวน้อง" โดยมี นายรุ่งโรจน์ ตันวุฒิ นายอำเภอแม่ลาว นายสุริยัน ตื๊อยศ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่ากอดำ คณะผู้บริหาร อบต.ป่าก่อดำ รวมถึงตัวแทนจาก อปท. ในพื้นที่อำเภอแม่ลาว ให้การต้อนรับ และรับมอบหมวกกันน็อก โดยการมอบหมวกกันน็อกในครั้งนี้ยังได้รับเมตตาจากพระครูประดิษฐ์กรณีย์ เจ้าอาวาสวัดโป่งมอญ เจ้าคณะตำบลป่าก่อดำ เจริญพระพุทธมนต์ประพรมน้ำพระพุทธมนต์และเจิมหมวกกันน็อกเพื่อเสริมสิริมงคลอีกด้วย









      นายสุริยัน ตื๊อยศ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่ากอดำ กล่าวว่า “จากสถานการณ์การเสียชีวิตและบาดเจ็บจากการชนบนถนน หรือ อุบัติเหตุทางถนน ของประเทศไทย มีแนวโน้มสูงขึ้น คนไทยทั่วประเทศเสียชีวิตบนถนนมากถึง 20,000 คนต่อปี กว่า 16,000 คน หรือคิดเป็น 80% เหตุเกิดจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ เฉพาะรถจักรยานยนต์ 5 ปี ที่ผ่านมา มูลค่าความสูญเสียสูงถึง 9 หมื่นล้านบาท จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บรุนแรงที่ใช้รถจักรยานยนต์ เฉลี่ยปีละเกือบ 2 แสนคน กลุ่มอายุสูงสุดที่เกิดเหตุคือ 15 – 19 ปี โดยส่วนมากบาดเจ็บทางศีรษะ ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงมากถึง 34.3 คนต่อประชากร 1 แสนคน จากจำนวนประชากร 1.9 ล้านคน หมายความว่า ในหนึ่งปี คนเชียงรายเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 650 – 700 คน”

      การส่งมอบหมวกกันน็อกในวันนี้ นางสาวขวัญรักษ์ เม้งตระกูล ผู้จัดการโครงการเผยแพร่ความรู้ด้านความปลอดภัยทางถนนฯ จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ร่วมกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และนางสาวสริยา ทวีกุล ที่ปรึกษาแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) ภาคเหนือ เป็นผู้ส่งมอบหมวกกันน็อกจำนวน 70 ใบ โดยหวังว่าหมวกกันน็อกที่ได้มอบให้ในวันนี้จะช่วยให้เด็กๆ ได้รับความปลอดภัยและสวมใส่อย่างมีวินัย เป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กๆรุ่นต่อไป



     โครงการ “ตีแบดฯ เพื่อหัวน้อง” เกิดจากแนวคิดการนำวินัยทางกีฬามาประยุกต์ใช้ร่วมกับวินัยทางจราจร จัดแข่งขันแบดมินตันการกุศลร่วมกับสโมสรแบดมินตันหลายแห่ง เพื่อจัดซื้อหมวกกันน็อก จัดทำธนาคารหมวกกันน็อกให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เสริมสร้างความปลอดภัยให้แก่เด็กๆ ที่เดินทางโดยรถจักรยานยนต์ของผู้ปกครอง “การนำหมวกนิรภัยมามอบให้กับพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลป่าก่อดำ วันนี้ เป็นความตั้งใจใช้วินัยทางกีฬามาบูรณาการกับการรับบริจาคซื้อหมวกกันน็อกสำหรับเด็กเล็ก โดยจัดการแข่งขันกีฬาแบดมินตันการกุศลร่วมกับ ภาคีป้องกันอุบัติเหตุทางถนนของ สสส. ได้แก่ แผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) สโมสรแบดมินตันอมาตยกุล สโมสรแบดมินตันยูนิตี้แอนด์ระวิน สโมสรแบดมินตันพัชระ และสโมสรแบดมินตันในจังหวัดขอนแก่น หนองคาย อุดรธานี ได้จัดขึ้น เพื่อรวบรวมหมวกกันน็อกสำหรับเด็กให้ได้ 2,000 ใบ สำหรับมอบให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ทำงานร่วมกับ สสส. จำนวน 105 แห่ง และ สอจร. ในพื้นที่ ที่มีการร้องขอ โดยจำนวนหมวกนิรภัยสำหรับเด็กที่มามอบในวันนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 70 ใบ เพื่อจัดทำธนาคารหมวกกันน็อกให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในอำเภอแม่ลาว 70 แห่ง หรือตามความจำเป็นของแต่ละศูนย์” นางสาวขวัญรักษ์ เม้งตระกูล ผู้จัดการโครงการเผยแพร่ความรู้ด้านความปลอดภัยทางถนนฯ กล่าว



      สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. ร่วมกับแผนงานสนับสนุนการป้องกันอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด (สอจร.) ภาคีงานด้านความปลอดภัยทางถนน และสโมสรแบดมินตัน ร่วมจัดแข่งขันแบดมินตันการกุศล “ตีแบดฯ เพื่อหัวน้อง” มาตั้งแต่เดือนเมษายน 2566 ที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ จัดหาหมวกกันน็อกสำหรับเด็กจำนวน 2,000 ใบ มอบให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่เข้าร่วมโครงการศูนย์พัฒนาเด็กเล็กต้นแบบด้านความปลอดภัยทางถนน สนับสนุนโดย สสส. จำนวน 105 แห่ง และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ทำงานร่วมกับแผนงานสอจร. เพื่อป้องกันการบาดเจ็บในเด็กเล็กที่เดินทางด้วยรถจักรยานยนต์โดยมีผู้ปกครองขับขี่มาส่งเข้าเรียน และเป็นตัวอย่างให้กับบุคคลต่างๆในครอบครัวได้สวมหมวกกันน็อกตาม

      ทั้งนี้ เป้าหมายสูงสุดของการดูแลรักษาชีวิตของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคทั้งภาคส่วนราชการ เอกชน ชุมชนในหลายพื้นที่ คือการกระตุ้นให้คนไทยที่ขับขี่รถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยทุกเพศ ทุกวัย เพื่อลดการเสียชีวิตจากการบาดเจ็บทางศีรษะและการพิการของผู้ได้รับบาดเจ็บรุนแรง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2570 ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติด้านความปลอดภัยทางท้องถนนอีกด้วย

X