รู้หรือไม่!? นิยม “ทาเล็บสีแดง” โอกาสแพ้มากกว่าสีอื่นๆ

18 พฤษภาคม 2564, 15:34น.


            รู้หรือไม่!? อันตรายจากน้ำยาทาเล็บเป็นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งสามารถเกิดอาการแพ้ขึ้นคิดเป็น 1 – 3% ในผู้ใช้บริการและผู้ประกอบอาชีพ ซึ่งส่วนใหญ่ “สีแดง” คือสีที่เกิดอาการแพ้บ่อยที่สุด ด้วยความห่วงใยจากกรมการแพทย์จึงจะออกมาอธิบายเกี่ยวกับความนิยมทาเล็บสีแดงที่มีโอกาสแพ้มากกว่าสีอื่นๆ พร้อมแนะวิธีป้องกันและการรักษาที่ถูกวิธี

            นิยมทาเล็บสีแดง โอกาสแพ้มากกว่าสีอื่น


            การทาสีเล็บโดยทั่วไปสีที่มีการแพ้บ่อยคือ “สีแดง” ซึ่งสารเคมีที่พบการแพ้บ่อยที่สุดคือ โทซิลาไมด์ ฟอร์มาดีไฮด์เลซิน เบนโซฟรีโนน ไดบิลทิลทาลเลตฟอร์มาดีไฮด์ ส่วนการต่อเล็บแบบอะคริลิค มักแพ้ส่วนประกอบของกาว เรียกว่า cyanoacrylate ส่วนประกอบในขั้นตอนการรองพื้น และขั้นตอนการเคลือบเล็บสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้บ่อยคือ methacrylate ส่วนการทาสีเจล มีสาร methacrylate ก่อภูมิแพ้เช่นเดียวกับการต่อเล็บอะคริลิค

            อาการแพ้ที่สังเกตได้หลังจากทาเล็บ


            อาการแพ้สังเกตได้หลังจากทาเล็บใน 1 - 2 วัน รอบเล็บที่แพ้จะบวม แดง คัน ชาที่ปลายนิ้ว รวมถึงบริเวณที่เล็บไปสัมผัส เช่น รอบตา  ริมฝีปาก ใบหน้า ลำคอ เนื่องจากสารก่อภูมิแพ้ไปสัมผัสบริเวณดังกล่าว ในการต่อเล็บอะคริลิค และการทาสีเจล อาจมีอาการเล็บแห้ง หลุด ลอก เล็บเปลี่ยนสีได้

            การป้องกันและการรักษาที่ถูกวิธี


            สำหรับการป้องกันให้หลีกเลี่ยงการทาสีที่แพ้ การเลือกน้ำยาทาเล็บที่ปลอดสารเคมี โดยการรักษาสามารถทำได้ด้วยการทายาที่มีส่วนผสมสเตียรอยด์เพื่อลดอาการอักเสบ การเคลือบปกป้องผิวด้วยครีมบำรุง เพื่อปกป้องชั้นผิวหนังกำพร้าจากการสัมผัสสารเคมี และสามารถทำการทดสอบผื่นแพ้สัมผัส patch test ที่อ่านผลโดยแพทย์ผิวหนัง

            เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็หวังว่าใครที่ชื่นชอบการทาเล็บโดยเฉพาะสีแดงจะเกิดความเข้าใจมากขึ้น หลีกเลี่ยงได้หลีกเลี่ยงไปเลยลดความเสี่ยงเกิดอาการแพ้ แต่ทางที่ดีไม่ทาเลยดูจะเข้าท่ากว่าเพราะเราก็ไม่ต้องมากังวลถึงอาการแพ้ หรือจะเกิดปัญหาภายหลังหรือไม่



 



ข้อมูล : กรมการแพทย์

X