ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 19.30 น.วันพุธที่ 17 มีนาคม 2564
ศรีสะเกษเร่งตรวจหาเชื้อกลุ่มเสี่ยงสูง! ที่สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยันรายแรก
นายธงชัย เจริญพานิชย์กุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายพิเชษฐ พืดขุนทด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ และนายอนุสรณ์ แสงกล้า นายอำเภอวังหิน นำเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอวังหิน ทีมแพทย์ พยาบาลโรงพยาบาลวังหิน และ อสม. เข้าเก็บสวอป (swab) กลุ่มผู้สัมผัสผู้ป่วยยืนยันเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง เข้าตรวจหาเชื้อโควิด-19 ซึ่งแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ออกตรวจคัดกรองถึงพื้นที่ ไม่ต้องเคลื่อนย้ายกลุ่มเสี่ยงสูง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่งมีผู้สัมผัสผู้ป่วยยืนยันที่ผ่านการสอบสวนโรคแล้ว จำนวน 17 คน และกลุ่มผู้สัมผัสผู้ป่วยยืนยันกลุ่มเสี่ยงต่ำอีก 6 คน เข้ารอกับการตรวจหาเชื้อ หลังจากเมื่อเวลา 18.00 น. วานนี้ (16 มี.ค.64) ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จ.ศรีสะเกษ รายงานพบผู้ป่วยยืนยัน รายแรกสำหรับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ เป็นเพศหญิง อายุ 49 ปี อาชีพค้าขาย ซึ่งขายผักอยู่ที่ตลาดบางแควันเดอร์ กทม.
ขณะเดียวกัน ที่ห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี สาขาศรีสะเกษ นายแพทย์เสกสรรค์ จวงจันทร์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ นำทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจ แนะนำมาตรการการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นางจิราวรรณ บุญศิลป์ ผู้จัดการห้างสรรพสินค้า บิ๊กซีสาขาศรีสะเกษ เปิดเผยว่า แม้จะมีข่าวว่าผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 คนแรกของจังหวัด เคยมาใช้บริการที่ห้าง แต่ทางห้างก็ยังไม่มีการประกาศปิดห้างแต่อย่างใด ซึ่งห้างได้ปฏิบัติเข้มงวดขึ้น โดยก่อนเปิดห้างได้มีการระดมกำลังพนักงานเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดทุกมุมของห้าง และประชุมหามาตรการรับมืออย่างใกล้ชิด พร้อมให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ที่มาทำงานในวันที่ผู้ติดเชื้อมาใช้บริการไปรายงานตัว เพื่อที่เจ้าหน้าที่ทางสาธารณสุขจะได้รับรู้และเฝ้าระวังได้อย่างใกล้ชิด
ราชบุรี ติดเชื้อเพิ่มอีก 1 คน ทำงานสำนักงานอัยการภาค 7 เชื่อมโยง ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงตลาดบางแค
สถานการณ์ โควิด-19 จังหวัดราชบุรี ระลอกใหม่ วันที่ 17 มีนาคม 2564 ข้อมูล ณ เวลา 15.00 น. รายงาน พบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 1 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากผู้ติดเชื้อก่อนหน้านี้ นับเป็นรายที่ 46 ของจังหวัดราชบุรี โดยมีไทม์ไลน์ดังนี้
-รายที่ 46 เป็นเพศหญิง อายุ 34 ปี ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกับผู้ติดเชื้อรายที่ 42 ซึ่งเป็นเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน ที่สำนักงานอัยการภาค 7 จังหวัดราชบุรี อยู่ในตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง เข้ารับการตรวจหาเชื้อหลังพบว่าเพื่อนร่วมงานติดเชื้อเมื่อวันที่ 15 มี.ค. หลังจากนั้น เข้ารักษาที่ รพ.ราชบุรี ในวันที่ 16 มี.ค.และรู้ผลว่าติดเชื้อโควิด-19 รวมทั้งยังมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 4 คน ได้ติดตามเก็บตัวอย่าง และอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั้งหมดแล้ว
สำหรับผู้ติดเชื้อรายที่ 42 ติดเชื้อจากพี่สาวที่ขายของที่ตลาดวันเดอร์ในเขตบางแค
ปัจจุบันจังหวัดราชบุรี มีผู้ติดเชื้อสะสม 46 คนรักษาในโรงพยาบาล จำนวน 13 คน รักษาหาย 33 คน จังหวัดราชบุรี ยังขอให้ผู้มีสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายใหม่ในจังหวัดราชบุรี หรือช่วงวันที่ 1 มีนาคม 2564 ถึงปัจจุบัน มีประวัติเดินทาง ไปตลาด ทั้ง 6 แห่ง ย่านบางแค ดังนี้ ตลาดศิริเศรษฐนนท์ (แสงฟ้าเก่า)ตลาดภาสม ตลาดศูนย์การค้าบางแค ตลาดใหม่บางแค ตลาดกิตติและตลาดวันเดอร์ ให้รีบปรึกษาแพทย์ หรือเจ้าหน้าสาธารณสุขใกล้บ้าน เพื่อรับการคัดกรอง ประเมินความเสี่ยงและพิจารณาตรวจหาเชื้อCOVID-19 หลีกเลี่ยงเดินทางไปในชุมชนแออัด
สงขลาพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 2 คน เชื่อมโยงตลาดบางแค-กลับจากมาเลเซีย
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 เป็นหญิง 2 คน ในจังหวัดสงขลา เป็นหญิงทั้งคู่ อายุ 28 ปี และ 31 ปี
-ผู้ติดเชื้อคนแรกเชื่อมโยงกับ คลัสเตอร์ตลาดบางแค กทม.เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลหาดใหญ่
-ผู้ติดเชื้อคนที่สอง เป็นอดีตผู้ต้องขังเดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งอยู่ในศูนย์กักตัวของรัฐ และได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว
สาธารณสุขจังหวัดสงขลา ได้ประกาศให้ผู้ที่เดินทางไปตลาดบางแค กทม.เมื่อเดินทางเข้ามายัง จ.สงขลาให้กักตัว 14 วัน หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด- 19
ปทุมธานีประกาศงดจัดสงกรานต์ หลังพบโควิด-19 ระบาดเป็นกลุ่มก้อนใน 6 จังหวัดใกล้เคียง
เทศบาลเมืองปทุมธานี ได้ออกประกาศ “งด” จัดงานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี 2564 เนื่องจากยังพบการติดเชื้อโควิด ของบุคคลกลุ่มต่าง ๆ ในลักษณะกลุ่มก้อนภายในประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. สมุทรปราการ สมุทรสงคราม ปทุมธานี นนทบุรี และ จ.นครปฐม ซึ่งเป็นพื้นที่ศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามเป็นวงกว้าง อีกทั้งสร้างความเสียหายให้แก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ จึงงดการจัดงานสงกรานต์
เจ้าหน้าที่ตม.ยังไม่พบติดเชื้อ หลังแรงงานต่างด้าวติดเชื้อในสถานกักตัวกว่า 70 คน
หลังพบแรงงานต่างด้าวติดเชื้อโควิด-19 ในสถานกักกันตัวตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบางเขน พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) เปิดเผยว่า แรงงานต่างด้าวที่ติดเชื้อโควิด-19 ขณะนี้ 77 คน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานชาวเมียนมา ลาว กัมพูชา ที่ถูกส่งตัวมาจากพื้นที่เสี่ยง เช่น ตลาดมหาชัย แต่ด้วยข้อกำจัดของห้องควบคุมทำให้มีการแพร่เชื้อเกิดขึ้น
ส่วนเจ้าหน้าที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อแต่อย่างใด แต่ก็ได้ประสานกับกระทรวงสาธารณสุขเข้ามาเปิดโรงพยาบาลสนาม และกำหนดมาตรการป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปจุดอื่น ส่วนผู้ปฏิบัติงานที่เป็นกลุ่มเสี่ยงได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับกักตัว เนื่องจากหากกลับไปพักที่บ้านอาจจะนำเชื้อไปแพร่สู่คนในครอบครัวได้ ทั้งนี้ สตม.ได้รับแรงงานต่างด้าว ที่ถูกดำเนินคดีและถูกจับกุมข้อหาหลบหนีเข้าเมืองทั้งหมดกว่า 2,000 คน แต่กระจายไปควบคุมยังด่านต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงสถานกักตัวที่บางเขน ขณะที่ ตม.สวนพลู ที่มีจำนวนเกือบ 1,000 คน ยังตรวจไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19
ผบ.ทบ. ลงพื้นที่จ.ระนอง เตรียมความพร้อมสถานที่ รองรับผู้ไดัรับผลกระทบจากสถานการณ์ในเมียนมา
พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการเตรียมการพักรอชั่วคราว ณ สนามกีฬาจังหวัดระนองและโรงยิมเนเซียมเทศบาลเมืองระนอง ผบ.ทบ.กล่าวว่า ในการลงพื้นที่วันนี้เป็นการตรวจเยี่ยมการปฎิบัติตามแผนรองรับผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในประเทศเมียนมา พื้นที่แรกรับและศูนย์พักรอชั่วคราว ในพื้นที่จังหวัดระนอง-ชุมพร รวม 4 แห่ง ประกอบด้วย อำเภอเมือง ,อำเภอละอุ่น, อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง และที่อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร เพื่อใช้เตรียมเป็นที่พักรอ หากมีชาวเมียนมาหรือคนไทยที่ไปทำงานอยู่ที่ประเทศเมียนมา ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในประเทศเมียนมาหนีข้ามฝั่งเข้ามาประเทศไทย เราก็ต้องมีการช่วยเหลือตามหลักมนุษย์ธรรม แต่ทั้งนี้ก็ต้องปฎิบัติตามแผนรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19
ส่วนในการเตรียมพร้อมรองรับผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เมียนมา จะมีการแยกกลุ่มออกเป็น 5 กลุ่ม คือ กลุ่มคนไทย ชาวเมียนมา ชนกลุ่มน้อย กลุ่มนักการเมือง และชาวต่างชาติ ซึ่งในแต่ละกลุ่มจะมีการแยกกันเพื่อเตรียมการพักรอ ส่วนขั้นตอนในการรองรับ คือ ทุกคนจะต้องผ่านการตรวจคัดกรองโควิด-19 ก่อน แล้วจึงจะเข้าสู่กระบวนการคัดแยก-ตรวจสอบข้อมูล และเข้าพักรอในสถานที่ที่จัดไว้ให้ ทุกขั้นตอนจะดำเนินการช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม จะดูแลจนกว่าสถานการณ์ในประเทศเมียนมาจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จากนั้นจะดำเนินการผลักดันกลับประเทศตามช่องทางที่ถูกต้อง ขอให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดระนองไม่ต้องกังวล
'ราชทัณฑ์'พร้อมชี้แจงศาลยืนยันตรวจโควิด-19ตามขั้นตอน เผย จนท.ถูกขู่'พรุ่งนี้มีเรื่องแน่' ยธ.ตั้งคณะกรรมการสอบสวน
กรณีนายอานนท์ นำภา เขียนจดหมายอ้างถูกเจ้าหน้าที่พยายามนำตัวออกจากห้องควบคุมกลางดึก ทำให้กลัวจะถูกทำร้ายชีวิตไม่ปลอดภัย ปรากฏในโซเซียลมีเดีย นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่า การคุมตัวจำเลย หรือผู้ต้องขังออกไปนอกสถานที่ เช่น ไปศาล จะมีการค้นตัวทั้งขาไปและขากลับ รวมถึงการเยี่ยมญาติด้วย ดังนั้นจดหมายจากทนายอานนท์ ไม่ได้นำออกไปจากเรือนจำ และในเรือนจำไม่มีเครื่องมือสื่อสาร แม้แต่นาฬิกาก็ไม่มี กรณีนี้กรมราชทัณฑ์ได้แจ้งความดำเนินคดีกับแอดมินเพจอานนท์ นำภา ไปก่อนหน้านี้แล้ว 2 ครั้ง และจะแจ้งความเพิ่มอีก เพื่อสืบหาว่าแอดมินใช้งานจากที่ไหน ภายในเรือนจำยังมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดทุกพื้นที่ รวมถึงภายในห้องควบคุม หากศาลให้เรียกหลักฐานส่วนนี้ก็สามารถนำไปเสนอต่อศาลได้ไม่มีการทำร้ายร่างกาย หรือละเมิดสิทธิจำเลย หรือผู้ต้องขังอย่างแน่นอน
ด้าน นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า เหตุการณ์ในวันนั้น หลังจากที่ศาลมีคำสั่งให้ย้ายจำเลย 3 คน คือ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ , นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน และนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ จากเรือนจำพิเศษธนบุรีซึ่งเป็นเรือนจำพื้นที่เสี่ยงที่มีการแพร่ระบาดเชื้อโควิด มาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยจำเลยทั้งหมดมาถึงประมาณ 18.40 น. หลังจากทำการซักประวัติเสร็จก็ได้นำตัวไปขังรวมกับผู้ต้องขังอื่นๆ ที่แดน 2 ซึ่งใช้เป็นสถานที่กักกันโรค เพื่อรอตรวจคัดครองโควิด จากนั้นช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ได้ให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เข้าไปเจรจาขอความร่วมมือกับผู้ต้องขังทั้งสามคนย้ายห้องแยกจากผู้ต้องขังอื่นๆ ไปอยู่อีกห้องหนึ่ง ระหว่างรอเจ้าหน้าที่มาตรวจโควิด แต่ทั้ง 3 คนไม่ยินยอม จึงเชิญแพทย์เวรและเจ้าหน้าที่ตรวจโควิดจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นแพทย์หญิงทั้งหมดเตรียมเครื่องมือเข้ามาตรวจโควิดผู้ต้องขังอื่นในเวลาประมาณ 23.00 น.
เมื่อเจ้าหน้าที่นำผู้ต้องขังอื่น 9 คนไปตรวจโควิด โดยนำตัวออกไปตรวจในที่โล่งทีละคนจนเสร็จ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ หรือประมาณเที่ยงคืนก็ได้เจรจากับผู้ต้องขังที่เหลือขอให้ย้ายห้องอีกครั้ง เนื่องจากผู้ต้องขังที่ไม่ยอมตรวจโควิด มีจำนวนน้อยกว่า แต่ทั้งหมดก็ไม่ยินยอม จึงจัดเจ้าหน้าที่ชุดดูแลความปลอดภัยภายในเรือนจำ มานำผู้ต้องขังอื่น 9 คนออกไป และกักตัวผู้ต้องขังที่ไม่ยอมตรวจโควิด 14 วัน ยืนยันว่าตลอดเหตุการณ์ไม่มีการแตะตัวจำเลย และไม่มีเหตุวุ่นวายใดๆ เกิดขึ้น แต่จำเลยพูดกับเจ้าหน้าที่ว่า "พรุ่งนี้มีเรื่องแน่" และเหตุการณ์นี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีประชาชนไม่ยอมตรวจหาเชื้อโควิด ทั้งนี้ การตรวจโควิดในเวลากลางคืนถือว่าเป็นเรื่องปกติ ที่ผ่านมาก็เคยตรวจป้องกันการแพร่ระบาดแบบนี้ในหลายเรือนจำ และก่อนหน้านี้ก็เคยมีการตรวจหนึ่งในแกนนำในช่วงเวลากลางคืนมาแล้ว ซึ่งแกนนำคนนั้นยังขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนอื่นๆ อย่างเท่าเทียมด้วย
นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้แถลงชี้แจงการจัดตั้งคณะกรรมการประมวลข้อเท็จจริงในการดำเนินงานของกรมราชทัณฑ์จากกรณีที่เกิดขึ้นว่าได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยใช้เวลา 7 วัน จะทราบผล พร้อมกับยืนยันว่ากรมราชทัณฑ์มีมาตรฐานการปฏิบัติดูแลผู้ต้องขังอยู่แล้ว คือ ต้องมีความปลอดภัย ในส่วนของแกนนำกลุ่มราษฎรก็ไม่ได้ดูแลเป็นพิเศษกว่าคนอื่นแต่อย่างใด แต่ยืนยันว่าจะปลอดภัยเมื่ออยู่ในความดูแลของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากล
หุ้นไทยบวกเล็กน้อยรอผลประชุมเฟด
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดวันนี้ที่ระดับ 1,566.76 จุด เพิ่มขึ้น 2.73 จุด มูลค่าการ ซื้อขาย 92,178.77 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบ คล้ายกับตลาดต่างประเทศ เคลื่อนไหวในลักษณะทรงตัวในช่วงรอผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยต่างจับตาการส่งสัญญาณเรื่องเงินเฟ้อจะเป็นอย่างไร รวมถึงยังต้องติดตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สหรัฐฯด้วย เพราะหากยังปรับขึ้นก็จะเป็นภาพลบต่อตลาดหุ้น แต่ถ้าอ่อนตัวลงก็จะเป็นบวก
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบเล็กน้อย ในวันนี้ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างระมัดระวังก่อนธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศผลการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ตามเวลาสหรัฐฯ หรือตรงกับพรุ่งนี้เช้าตามเวลาไทย โดยนักลงทุนบางรายคาดว่า เฟดจะส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ นิกเกอิปิดที่ 29,914.33 จุด ลดลง 6.76 จุด
เช่นเดียวกัน ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดบวกเพียงเล็กน้อยในวันนี้ จากปัจจัยเดียว ดัชนีฮั่งเส็งปิดที่ 29,034.12 จุด เพิ่มขึ้น 6.43 จุด
สหประชาชาติ ระบุ โควิด-19 ส่งผลกระทบให้เด็กในเอเชียใต้เสียชีวิต 228,000 ราย
สหประชาชาติ เปิดเผยรายงานที่ระบุว่า การหยุดชะงักของบริการด้านการรักษาพยาบาลที่เกิดจากสถานการณ์โควิด-19 เป็นสาเหตุที่ทำให้แม่และเด็กในเอเชียใต้ต้องเสียชีวิตประมาณ 239,000 ราย ในรายงานที่มุ่งเน้นไปที่อัฟกานิสถาน เนปาล บังกลาเทศ อินเดีย ปากีสถานและศรีลังกาซึ่งมีประชากร 1,800 ล้านคน พบว่าผู้หญิง เด็กและวัยรุ่นเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยในภูมิภาคมีผู้ติดเชื้อสะสมเกือบ 13 ล้านคน เสียชีวิตมากกว่า 186,000 ราย แม้ว่าแต่ละประเทศจะมีการใช้มาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมโรค โดยให้โรงพยาบาล ร้านขายยาและร้านขายของชำยังคงเปิดทำการอยู่ แต่คาดว่าเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีจะเสียชีวิตมากถึง 228,000 ราย เนื่องจากการบริการที่สำคัญตั้งแต่ด้านโภชนาการไปจนถึงการสร้างภูมิคุ้มกันถูกระงับ ในปี 2563 อินเดียมีอัตราการเสียชีวิตของเด็กสูงที่สุด คือร้อยละ 15.4 รองลงมาคือบังกลาเทศที่ร้อยละ 13 ส่วนศรีลังกาพบการเสียชีวิตของมารดาเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือร้อยละ 21.5 รองลงมาคือปากีสถานร้อยละ 21.3
นอกจากนี้ยังมีการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์เพิ่มขึ้นอีก 3,500,000 ครั้งซึ่งในกลุ่มนี้เป็นวัยรุ่น 400,000 คนเนื่องจากการคุมกำเนิดที่ไม่ดีหรือไม่สามารถเข้าถึงได้
การหยุดให้บริการด้านสุขภาพเพื่อเปลี่ยนแนวทางการทำงานที่มุ่งเน้นการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ยังส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยวัณโรค มาลาเรีย ไทฟอยด์และเอชไอวี/เอดส์ ที่ไม่สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาล และทำให้มีผู้เสียชีวิตอีก 5,943 รายทั่วทั้งภูมิภาค