กรณีนายอานนท์ นำภา เขียนจดหมายอ้างถูกเจ้าหน้าที่พยายามนำตัวออกจากห้องควบคุมกลางดึก ทำให้กลัวจะถูกทำร้ายชีวิตไม่ปลอดภัย ปรากฏในโซเซียลมีเดีย นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่า การคุมตัวจำเลย หรือผู้ต้องขังออกไปนอกสถานที่ เช่น ไปศาล จะมีการค้นตัวทั้งขาไปและขากลับ รวมถึงการเยี่ยมญาติด้วย ดังนั้นจดหมายจากทนายอานนท์ ไม่ได้นำออกไปจากเรือนจำ และในเรือนจำไม่มีเครื่องมือสื่อสาร แม้แต่นาฬิกาก็ไม่มี กรณีนี้กรมราชทัณฑ์ได้แจ้งความดำเนินคดีกับแอดมินเพจอานนท์ นำภา ไปก่อนหน้านี้แล้ว 2 ครั้ง และจะแจ้งความเพิ่มอีก เพื่อสืบหาว่าแอดมินใช้งานจากที่ไหน ภายในเรือนจำยังมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดทุกพื้นที่ รวมถึงภายในห้องควบคุม หากศาลให้เรียกหลักฐานส่วนนี้ก็สามารถนำไปเสนอต่อศาลได้ไม่มีการทำร้ายร่างกาย หรือละเมิดสิทธิจำเลย หรือผู้ต้องขังอย่างแน่นอน
ด้าน นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า เหตุการณ์ในวันนั้น หลังจากที่ศาลมีคำสั่งให้ย้ายจำเลย 3 คน คือ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ , นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน และนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ จากเรือนจำพิเศษธนบุรีซึ่งเป็นเรือนจำพื้นที่เสี่ยงที่มีการแพร่ระบาดเชื้อโควิด มาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยจำเลยทั้งหมดมาถึงประมาณ 18.40 น. หลังจากทำการซักประวัติเสร็จก็ได้นำตัวไปขังรวมกับผู้ต้องขังอื่นๆ ที่แดน 2 ซึ่งใช้เป็นสถานที่กักกันโรค เพื่อรอตรวจคัดครองโควิด จากนั้นช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ได้ให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เข้าไปเจรจาขอความร่วมมือกับผู้ต้องขังทั้งสามคนย้ายห้องแยกจากผู้ต้องขังอื่นๆ ไปอยู่อีกห้องหนึ่ง ระหว่างรอเจ้าหน้าที่มาตรวจโควิด แต่ทั้ง 3 คนไม่ยินยอม จึงเชิญแพทย์เวรและเจ้าหน้าที่ตรวจโควิดจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นแพทย์หญิงทั้งหมดเตรียมเครื่องมือเข้ามาตรวจโควิดผู้ต้องขังอื่นในเวลาประมาณ 23.00 น.
เมื่อเจ้าหน้าที่นำผู้ต้องขังอื่น 9 คนไปตรวจโควิด โดยนำตัวออกไปตรวจในที่โล่งทีละคนจนเสร็จ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ หรือประมาณเที่ยงคืนก็ได้เจรจากับผู้ต้องขังที่เหลือขอให้ย้ายห้องอีกครั้ง เนื่องจากผู้ต้องขังที่ไม่ยอมตรวจโควิด มีจำนวนน้อยกว่า แต่ทั้งหมดก็ไม่ยินยอม จึงจัดเจ้าหน้าที่ชุดดูแลความปลอดภัยภายในเรือนจำ มานำผู้ต้องขังอื่น 9 คนออกไป และกักตัวผู้ต้องขังที่ไม่ยอมตรวจโควิด 14 วัน ยืนยันว่าตลอดเหตุการณ์ไม่มีการแตะตัวจำเลย และไม่มีเหตุวุ่นวายใดๆ เกิดขึ้น แต่จำเลยพูดกับเจ้าหน้าที่ว่า "พรุ่งนี้มีเรื่องแน่" และเหตุการณ์นี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีประชาชนไม่ยอมตรวจหาเชื้อโควิด ทั้งนี้ การตรวจโควิดในเวลากลางคืนถือว่าเป็นเรื่องปกติ ที่ผ่านมาก็เคยตรวจป้องกันการแพร่ระบาดแบบนี้ในหลายเรือนจำ และก่อนหน้านี้ก็เคยมีการตรวจหนึ่งในแกนนำในช่วงเวลากลางคืนมาแล้ว ซึ่งแกนนำคนนั้นยังขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนอื่นๆ อย่างเท่าเทียมด้วย
นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้แถลงชี้แจงการจัดตั้งคณะกรรมการประมวลข้อเท็จจริงในการดำเนินงานของกรมราชทัณฑ์จากกรณีที่เกิดขึ้น ว่า ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยใช้เวลา 7 วัน จะทราบผล พร้อมกับยืนยันว่ากรมราชทัณฑ์มีมาตรฐานการปฏิบัติดูแลผู้ต้องขังอยู่แล้ว คือ ต้องมีความปลอดภัย ในส่วนของแกนนำกลุ่มราษฎรก็ไม่ได้ดูแลเป็นพิเศษกว่าคนอื่นแต่อย่างใด แต่ยืนยันว่าจะปลอดภัยเมื่ออยู่ในความดูแลของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานสากล